Blue Core เทคโนโลยีความแรง ผสานความประหยัด กับความเร้าใจที่คุณสัมผัสได้ในทุกวัน

          ในยุคปัจจุบัน ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลก ต่างพากันพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย, ความสะดวกสบาย รวมไปถึงเทคโนโลยีความแรง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยแต่ละค่ายต่างก็มีเทคโนโลยีเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่น และตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว นั่นก็คือ เทคโนโลยี Blue Core ที่ติดตั้งอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์จากค่าย Yamaha หลากหลายรุ่น และในวันนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักเทคโนโลยี Blue Core ว่ามีข้อดีอย่างไร ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็น เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ภายใต้ความประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เครื่องยนต์เทคโนโลยี Blue Core เอกสิทธิ์เฉพาะจาก Yamaha

          สำหรับเทคโนโลยี Blue Core ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากค่าย Yamaha ที่พัฒนาต่อยอดความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้ง สามารถปลดล็อคทุกขีดจำกัดอันก่อให้เกิดการสูญเสียกำลังโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ว่าจะมาจาก การเผาไหม้, การระบายความร้อน และแรงเสียดทานต่างๆ ส่งผลให้เครื่องยนต์เทคโนโลยี Blue Core โดดเด่นเรื่องสมรรถนะความแรง และความเร้าใจในการขับขี่ ผสานกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ระดับ 60 กิโลเมตร/ลิตร (สำหรับรถออโตเมติกอย่าง Yamaha Grand Filano) รวมทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เร่งแซงได้อย่างใจ สนุกเร้าใจในทุกการขับขี่ ภายใต้เทคโนโลยี Blue Core

ทำไมเครื่องยนต์ Blue Core ถึงแรง?

         โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องยนต์ Blue Core มีความโดดเด่น และแรงกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ไม่รอรอบ เร่งแซง และทำความเร็วได้อย่างใจสั่ง เป็นเพราะการออกแบบช่องไอดีแบบคอคอด ทำให้ส่วนผสมระหว่างอากาศ และน้ำมันเบนซินอัดแน่นเข้ากันเป็นหนึ่ง ส่งต่อไปยังห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว และรุนแรง จึงเกิดการเผาไหม้ที่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น จังหวะเร่งแซง หรือการออกตัว การตอบสนองของแรงบิดที่ติดมือ ไม่รอรอบ ทำให้คุณสามารถเร่งแซงได้อย่างใจสั่ง รวมไปถึงการใช้ความเร็วในรอบสูงๆ หรือการเดินทางไกล พละกำลังของเครื่องยนต์ Blue Core ก็ยังมีให้ใช้อย่างเหลือล้น และต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้แรงเค้น ตอบโจทย์ทุกความต้องการของการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวอย่างแท้จริง ซึ่งหากคุณชื่นชอบความแรง ผสานความสปอร์ตเร้าใจ และการขับขี่ที่สนุกในทุกการเดินทาง ขุมพลัง Blue Core จาก Yamaha GT125 และ Yamha Aerox 155 คือคำตอบที่ใจคุณต้องการ

          โดยความแรงของขุมพลัง Blue Core นั้นถ่ายทอดออกมาได้อย่างโดดเด่น และชัดเจน ซึ่งทางทีมงาน BoxzaRacing เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับขุมพลังนี้มาบ้างแล้วหลากหลายรุ่น โดยการขับขี่ในเมืองจะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องของการออกตัว กับแรงบิดที่มาอย่างรวดเร็วทันใจ แม้ในสถานการณ์ที่ต้องการทำความเร็ว หรือเร่งแซงก็ตอบสนองได้อย่างใจสั่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับขี่ที่ปลอดภัย จังหวะการขับขี่ และการเร่งแซง สามารถทำได้อย่างเฉียบขาด ไม่มีรอรอบ หรือสะดุดให้รู้สึก ซึ่งบางสถานการณ์ที่เป็นถนน 2 เลนสวน ขุมพลัง Blue Core ก็สามารถที่จะพาคุณทะยานแซงพ้นไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะทำให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขุมพลัง Blue Core จาก Yamaha

แรงม้า และแรงบิดมาในรอบที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ออกตัวได้ทันใจ แถมประหยัดน้ำมันกว่า

ทำไมเครื่องยนต์ Blue Core ถึงเร้าใจ ขี่สนุก?

          อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เครื่องยนต์ Blue Core ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุก และเร้าใจกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป เป็นเพราะเครื่องยนต์ Blue Core ให้แรงม้า และแรงบิดที่สูงกว่า ภายใต้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วๆ ไป ทำให้การขับขี่ไม่จำเป็นต้องใช้รอบที่สูง แต่กลับได้สมรรถนะความแรงที่เทียบเท่ากับกำลังสูงสุดที่ตัวรถสามารถทำได้ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ Blue Core ทำความเร็วอยู่ที่ 120 กม./ชม. แต่ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 4,000 รอบ/นาที ซึ่งยังมีกำลังเหลือเฟือให้สามารถทำความเร็วสูงขึ้นไปอีกได้อย่างไร้กังวล แต่ในขณะเดียวกัน เครื่องยนต์ทั่วๆ ไปใช้ความเร็วที่ 120 กม./ชม. แต่ต้องใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงถึง 9,000 รอบ/นาที ซึ่งอาจเป็นกำลังสูงสุดที่เครื่องยนต์นั้นสามารถทำได้ จึงไม่อาจทำความเร็วสูงขึ้นไปกว่านี้ได้อีก

          ซึ่งแรงม้า และแรงบิดที่มาในรอบต่ำของเครื่องยนต์ Blue Core จะส่งผลอย่างชัดเจนในการตอบสนองของอัตราเร่งที่จัดจ้านกว่า ออกตัวได้ไวกว่า และสามารถทำความเร็วได้สูงกว่า และที่สำคัญให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเครื่องยนต์ Blue Core ถึงให้การขับขี่ที่สนุกเร้าใจกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป หากคุณต้องการแรงม้า และแรงบิดที่ล้นเหลือ Yamaha Nmax ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA คือสิ่งที่คุณต้องการ

          โดยในส่วนของการขับขี่นั้น เครื่องยนต์ Blue Core จะให้แรงบิดที่จัดจ้าน และรุนแรงกว่า รวมไปถึงความเร็วต่อรอบที่ให้ความรู้สึกได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากคุณต้องการใช้แรงบิดในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การขับขึ้นสะพานสูงๆ หรือการไต่ระดับบนทางชันในสถานการณ์ที่จราจรติดขัด เพียงคุณบิดคันเร่งเบาๆ ขุมพลัง Blue Core ก็พร้อมจะทะยาน และไต่ขึ้นจุดสูงสุดได้อย่างไร้กังวล หรือจะเป็นในจังหวะออกตัวก็เช่นเดียวกัน คุณอาจจะไม่ทันได้สังเกตุเลยว่า เพียงไม่กี่อึดใจเครื่องยนต์ Blue Core ก็ไต่ระดับความเร็วไปแตะ 100 กม./ชม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เครื่องยนต์ Blue Core ที่สุดของความประหยัดน้ำมัน คุ้มค่าทุกการเดินทาง

ทำไมเครื่องยนต์ Blue Core ถึงประหยัดน้ำมัน?

          เนื่องด้วยเครื่องยนต์ Blue Core มีการออกแบบเสื้อสูบกับเพลาข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์ เพื่อลดแรงเสียดทาน อันทำให้เกิดการสูญเสียกำลังไปอย่างไร้เหตุผล จึงสามารถสร้างกำลังแรงม้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป รวมไปถึงแรงม้า และแรงบิดที่มาอย่างเต็มกำลังในรอบต่ำ จึงไม่จำเป็นต้องเค้นกำลังเครื่องยนต์ การขับขี่จึงลื่นไหล และต่อเนื่อง ส่งผลให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป โดยเฉพาะในรุ่น Yamaha Grand Filano ที่ให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงสูงสุดถึง 60 กม./ลิตร เรียกได้ว่าเติมน้ำมันเพียง 120 บาท สามารถขับไปได้ไกลถึงหัวหิน น้ำมันยังเหลือ!! หรือคิดเป็นระยะทางโดย 60 กม. x 4.4 ลิตร (ความจุถังน้ำมันของ Yamaha Grand Filano) จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 264 กม. เลยทีเดียว ซึ่งหากคุณชื่นชอบความประหยัดที่เป็นเลิศ Yamaha Grand Filano และ Yamaha Fino125 คือขุมพลัง Blue Core ที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง

          สำหรับความประหยัดน้ำมันนั้น ถือเป็นสิ่งที่ทีมงาน BoxzaRacing ประทับใจมากๆ จากการได้ทดลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ Yamaha ภายใต้เครื่องยนต์ Blue Core ซึ่งหลังจากเติมน้ำมันเพียงถังเดียว (120 บาท) สามารถขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ถึง 1 สัปดาห์ (ซึ่งในการทดสอบใช้ความเร็วสูงในการขับขี่) โดยเฉลี่ยแล้วในการขับขี่แต่ละวันจะใช้ระยะทางประมาณ 30 กม. ซึ่งหากนำเอาระยะทาง 30 กม. ในแต่ละวันมาคำนวณเป็นการขับขี่ทั้งสัปดาห์ก็จะได้เป็นระยะทางทั้งสิ้น 210 กม. โดยที่น้ำมันยังเหลือพอให้ขี่ไปส่งคืนรถทดสอบกับ Yamaha ด้วยซ้ำไป ซึ่งทางทีมงาน BoxzaRacing พูดได้เต็มปากเลยว่า เครื่องยนต์ Blue Core จาก Yamaha คือขีดสุดของความประหยัดอย่างแท้จริง ซึ่งหากคุณใช้รถมอเตอร์ไซค์จาก Yamaha ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์ Blue Core คุณจะเสียค่าน้ำมันต่อเดือนโดยเฉลี่ยเพียง 500 บาทเท่านั้นนั้น!!!

เครื่องยนต์ Blue Core สะอาด ปลอดภัย ไร้มลภาวะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เครื่องยนต์ Blue Core เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          และอีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่องยนต์ Blue Core ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ Yamaha ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน นั้นก็คือการช่วยลดมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ Blue Core ออกแบบให้อากาศ และน้ำมันผสมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ทุกการขับเคลื่อนสะอาด ปลอดภัย ไร้มลภาวะ และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่าในทุกหยด เรียกได้ว่าขับขี่เครื่องยนต์ Blue Core ไปที่ไหน ก็ไร้ซึ่งมลพิษ และไม่มีกลิ่นเหม็นออกจากท่อไอเสีย ซึ่งคุณเองก็สามารถช่วยให้โลกได้ง่ายๆ เพียงเลือกใช้รถมอเตอร์ไซค์จาก Yamaha ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์ Blue Core ทุกรุ่น

          การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจเป็นสิ่งที่คุณมองไม่เห็น แต่เชื่อหรือไม่ว่าคุณสัมผัสได้ อย่างเช่นกับขับขี่ในหมู่บ้าน หรือการสตาร์ทรถเพื่ออุ่นเครื่องก่อนการเดินทาง ขุมพลัง Blue Core จะไม่ส่งกลิ่นเหม็นของไอเสียไปรบกวน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าส่วนผสมของอากาศ และน้ำมันที่ได้รับการออกแบบมานั้น มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นจุดเด่นสำคัญของเครื่องยนต์ Blue Core ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมด้านการลดมลภาวะ และลดมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย

เครื่องยนต์ Blue Core จาก Yamaha แรงกว่า ประหยัดกว่า และขี่สนุกกว่า

          และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเครื่องยนต์ Blue Core จาก Yamaha ถึงตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเดินทางไกล หรือขับขี่ในเมือง เครื่องยนต์ Blue Core ก็ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ แรง และประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป พร้อมทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม "หากความแรง ความเร้าใจ และความประหยัดที่ไร้ซึ่งมลภาวะ คือสิ่งที่คุณถวิลหา ทุกคำตอบที่ใจคุณต้องการ มีอยู่ในเครื่องยนต์ Blue Core จาก Yamaha อย่างแน่นอน"