มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะและ 4 จังหวะ ต่างกันอย่างไร ดูได้ง่ายๆ
ชาวสองล้อคนทราบกันเป็นอย่างดีว่าในปัจจุบันรถจักรยานยนต์นั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นระบบเครื่องยนต์ 4 จังหวะแทบทิ้งสิ้น แต่หลายๆ คนก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่า ระหว่างเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ กับ 4 จังหวะ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราจะดูได้จากตรงไหน ซึ่งวันนี้ BoxzaRacing ของเราก็มีเกร็ดความรู้ในเรื่องนี้มาฝาก กับวิธีการดูความแตกต่างระหว่าง 2 เครื่องยนต์นี้แบบง่ายๆ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น หากพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยครับ
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทั้งเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และ 4 จังหวะนั้นต่างก็มีระบบการทำงานหรือวัญจักรการสันดาปภายในที่เหมือนกัน นั่นก็คือการดูดอากาศ และ อัดอากาศ จนถึง ระเบิด (จุดระเบิดด้วยหัวเทียน) และคายไอเสียจากการเผาไหม้ออกมา
แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไรล่ะ? สำหรับวิธีการตรวจสอบภายนอกด้วยตาเปล่าง่ายๆ เลยก็คือ การตรวจสอบลักษณะภายนอกของเครื่องยนต์ระหว่าง 2 จังหวะกับ 4 จังหวะ จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน นั่นก็คือ
1. ตัวเสื้อสูบ โดยเสื้อสูบของเครื่องยนต์ 4 จังหวะจะมีขนาดใหญ่กว่า 2 จังหวะ ทั้งๆ ที่มีปริมาตรความจุเท่ากัน เพราะภายในของเสื้อสูบเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะนั้น มีส่วนประกอบต่างๆ ที่มากกว่า เช่น ระบบกลไกของวาล์วไอดี วาล์วไอเสีย ก้านกระทุ้ง และแคมชาฟต์ (โซ่ขับเพลาลูกเบี้ยว) โดยเครื่องยนต์ในลักษณะของ 2 จังหวะจะไม่มีระบบกลไกของวาล์ว มีเพียงแค่ท่อสำหรับคายไอเสียทิ้งออกมาเท่านั้น รวมไปถึงท่อดูดอากาศก็ไม่ได้อยู่บริเวณส่วนของเสื้อสูบ แต่จะอยู่บริเวณด้านล่างแทน
2. ดูบริเวณท่อดูดอากาศจากคาร์บูเรเตอร์เข้าบริเวณเสื้อสูบที่ตรงกันข้ามกับทางออกของท่อไอเสีย หากเป็นเครื่องแบบ 2 จังหวะนั้น มันจะไม่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะนั้นจะอยู่ระดับเดียวกันเสมอ
3. ฟังเสียง โดยเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะนั้นหลายๆ คนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าเสียงของมันจะออกทุ้มๆ นุ่มๆ กว่า โทนเสียงต่ำและใหญ่ ซึ่งเมื่อเร่งรอบสูงๆ เสียงของมันจะดังแบบทุ้มๆ และส่วนเครื่องยนต์ 2 จังหวะนั้นเสียงจะออกแหลมๆ (เสียงแว๊น) และสังเกตได้จากตอนขณะจอดติดเครื่องยนต์ รอบของมันจะเดินไม่เรียบนั่นเอง
4. ท่อไอเสีย (ควัน) แน่นอนว่ารถจักรยานยนต์ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในรูปแบบ 2 จังหวะนั้นจะมีควันตามมาเป็นปกติ ซึ่งมันก็จะต้องอาศัยน้ำมันเครื่องชนิดพิเศษ หรือที่เรารู้จักกันว่า ออโต้ลูป เพื่อให้มันเข้าไปช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนบริเวณภายในห้องเครื่อง พ้รอมกับการถูกเผาไหม้ปนออกมากับไอเสียนั่นเองครับ
และที่เครื่อง 4 จังหวะไม่มีควันนั้นก็เพราะเนื่องจากเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะนั้นมักมีระบบการเผาไหม้ที่สมบูรณ์มากกว่า และแทบจะไม่มีควันออกมาจากท่อไอเสียเลย
5. ตำแหน่งติดตั้งหัวเทียน สำหรับเครื่องยนต์ 4 จังหวะนั้น จำเป็นจะต้องติดตั้งหัวเทียนไว้ด้านปลายของฝาสูบ เพื่อหลบระบบควบคุมวาล์วที่อยู่บริเวณส่วนบนของฝาสูบ และเครื่องยนต์ 2 จังหวะสามารถติดตั้งส่วนบนสุดของฝาสูบได้เลย เพราะไม่มีระบบควบคุมวาล์วนั่นเอง
6. ระบบติดเครื่องยนต์ (สตาร์ท) เครื่องยนต์ 4 จังหวะส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้ทั้งแบบ สตาร์ทด้วยเท้า และสตาร์ทไฟฟ้า ส่วนเครื่อง 2 จังหวะนั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้การสตาร์ทด้วยเท้า ยกเว้นในรุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่หรือจำนวนสูบมากกว่า 2 สูบขึ้นไป โดยอาจจะมีระบบมอเตอร์ช่วยสตาร์ท แต่ในปัจจุบันนี้ก็ได้มีการพัฒนามาเป็นแบบสตาร์ทไฟฟ้า (สตาร์ทมือ) แทบทั้งหมด
ทีนี้ก็พอทราบกันแล้วใช่มั้ยครับเพื่อนๆ ว่าวิธีการตรวจสอบ หรือการแยกระหว่างรถจักรยานยนต์ในระบบเครื่องยนต์ 2 จังหวะ กับ 4 จังหวะนั้นเราจะสังเกตได้อย่างไรบ้าง และในครั้งหน้า BoxzaRacing ของเราจะนำเกร็ดความรู้ในเรื่องไหนมาฝากให้ชาวสองล้อได้รับชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันให้ดีเลยนะครับ ส่วนวันนี้เราคงต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพจาก checkraka.com