Kawasaki Ninja e-1 คือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท หลังจากที่มีการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์พลังงานทางเลือกมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งในไทยได้มีการนำรถมาโชว์คันจริงในงาน Motor Expo 2023 โดยล่าสุดมีการเปิดราคาจำหน่ายในไทยอยู่ที่ 276,000 บาท และจะขายในจำนวนจำกัดอีกด้วย
นี้คือรถ EV คลาส 125 ซีซี. ที่จะเข้ามาช่วยจุดประกายยุคใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัย มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง โดดเด่นด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้คือความโดดเด่นของรถที่จะมอบให้กับผู้ใช้งาน
Ninja e-1 มาพร้อมคุณสมบัติต่างๆที่จะช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย
มอเตอร์แบบไม่มีแปรงถ่าน ให้พลังงานสะอาดและเงียบ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและกำลังรอบต่ำที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ควบคุมได้ง่าย และมีส่วนช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็วจากตำแหน่งหยุดรถ มอเตอร์ไม่ได้ผลิตความร้อนหรือแรงสั่นสะเทือนมากเท่ากับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และไม่ได้ปล่อยไอเสียออกมา (0 Emissions)
โหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ ได้แก่
ทั้งนี้เรื่องระยะทางที่สามารถวิ่งได้คือ 72 กิโลเมตร (WMTC Class 1) ในโหมด ECO ซึ่งความเร็วสูงสุด และการตอบสนองจะน้อยกว่าโหมด ROAD โดยการเปลี่ยนโหมดสามารถทำได้ด้วยกดสวิตช์แฮนด์ด้านซ้าย และเมื่อแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 35% รถจะเข้าสู่โหมดจำกัดพลังงาน (หน้าจอจะมีไอคอนเต่าโชว์) และ e-boost จะไม่สามารถใช้งานได้
สำหรับ e-boost คือฟังก์ชันที่จะช่วยเพิ่มพลังในการเร่งแซง เพียงแค่กดสวิตช์ e-boost ที่แอนด์ด้านขวา หน้าจอเรือนไมล์จะแสดงแถบการใช้งานเป็นสีม่วง และเมื่อเปิดคันเร่งจะเริ่มนับถอยหลัง 15 วินาทีหลังจากนั้นจะออกจากโหมดแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะมีระยะเวลาคูลดาวน์ 75 วินาที เนื่องจากป้องกันความร้อนที่มากเกินไปในการใช้งาน
อัตราเร่งที่ได้จากการใช้ฟังก์ชัน e-boost
*ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่ใช้งาน
นอกจากนี้ Ninja e-1 ยังมีโหมด Walk ให้ใช้งานอีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานไปอีกขั้น โดย การเพียงกดปุ่ม Walk ค้างไว้จนเข้าสู่โหมดแล้ว คุณแค่เปิดคันเร่งรถจะเดินหน้าด้วยความเร็วประมาณ 5 กม./ชม. เช่นเดียวกับการถอยหลัง ก็บิดหลังเร่งคืนรถก็จะถอยหลังด้วยความเร็วประมาณ 3 กม./ชม.
แบตเตอรี่ที่ใช้งานจะเป็นลิเธี่ยมไอออนแบบถอดได้ 2 ลูก สามารถชาร์จไฟได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นใช้อแดปเตอร์ชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่, ใช้อแดปเตอร์ชาร์จผ่านแท่นชาร์จ และใช้อแดปเอตร์ชาร์จผ่าน Off-board
อแดปเตอร์ชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่
ที่สำคัญคือรถยังมีระบบ Regenerative System ที่เมื่อปิดคันเร่ง พลังงานจากการลดความเร็วจะถูกชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ ส่งผลให้การขับขี่มีระยะทางไกลขึ้น
อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงของ Ninja e-1 จะเป็นเรื่องเฟรมรถ เพราะทางบริษัทเลือกที่จะออกแบบใหม่เพื่อให้เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ซึ่งเขาใช้เป็น Trellis Frame เหมือนกับ Ninja H2 และสิ่งเหล่านี้จะทำให้การขับขี่ควบคุมมีความเป็นธรรมชาติ และยังคงความสปอร์ตตามรหัส Ninja ไว้เหมือนเดิม
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ขนาด 41 มม. ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนหลังแบบ Bottom-Link Uni Trak โดยสามารถปรับค่าพรีโหลดได้ 4 ระดับ
ระบบเบรกใช้คาลิปเปอร์สองลูกสูบที่ด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบเบรก ABS ทั้งล้อหน้าและหลัง วงล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
หน้าจอเรือนไมล์สี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ซึ่งแสดงข้อมูลสถานะต่างๆ เช่น ความเร็ว โหมดการขับขี่ เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ และระยะทางที่ขับขี่ได้ และยังสามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Rideology ของ Kawasaki และปรับตั้งค่าความสว่างได้แบบอัตโนมัติ
Ninja e-1 ยังมีพื้นที่เก็บของขนาด 5 ลิตร โดยมีการออกแบบไว้ตรงถังน้ำมันเชื้อเพลิง เช่นเดียวกับใต้เบาะนั่งที่สามารถใส่ชุดอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ Kawasaki Ninja e-1 คือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและกำลังมองหารถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในเมือง แต่ยังคงต้องการความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจในการขับขี่ใช้งาน ซึ่งเน้นอีกครั้งว่ามีราคาแนะนำ 276,000 บาท และมีจำนวนจำกัด ใครสนใจก็สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย Kawasaki ใกล้บ้านได้เลย