เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 23 สิงหาคม 2559 - 10:17

ภาพโดย: BeastTorque

Automotive | Lifestyle | Cars

ตัดต่อวิดีโอโดย: di5trotion

Blend the Image

GPX Legend 200 ตำนานบทใหม่แห่ง Café Racer กับเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ

GPX Legend 200 ตำนานบทใหม่แห่ง Café Racer กับเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ

 

GPX Legend 200 ตำนานบทใหม่แห่ง Café Racer

 

          จากกระแสความนิยมของรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Café Racer ที่ไต่ระดับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ GPX ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ฝีมือคนไทย ได้สร้างตำนานบทใหม่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ชาวไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Café Racer ด้วยการส่ง GPX Legend 200 รถมอเตอร์ไซค์ Café Racer พิกัด 200 ซีซี. ที่ผ่านการออกแบบ และดูแลทุกขั้นตอนการผลิตโดยคนไทย ดีไซน์เท่ลงตัว กับเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกตัวตนของคุณ ที่พร้อมให้คุณได้พิสูจน์แล้ววันนี้

 

ไฟหน้าทรงกลม และไฟเลี้ยวทรงกระสุนลอยสไตล์ครุยเซอร์อเมริกัน บังโคลนหน้าแบบ Metal Fender

 

แฮนด์แบบจับยึดกับโช๊คอัพ มาพร้อมกับกระจกปลายแฮนด์ บ่งบอกความเป็น Café Racer ขนานแท้

 

ดีไซน์โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ กับความเท่ในสไตล์ Café Racer

          GPX Legend 200 มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ ผสานกับความเท่ลงตัวในสไตล์ Café Racer โดยด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าทรงกลมโคมเดี่ยว และไฟเลี้ยวทรงกระสุนลอยสไตล์ครุยเซอร์อเมริกัน บังโคลนหน้าแบบ Metal Fender เพิ่มความหนักแน่น และแข็งแกร่ง ทนทานต่อการใช้งาน ควบคุม Legend 200 ได้อย่างมั่นใจด้วยแฮนด์ทรง Café Racer จับยึดกับโช๊คอัพ พร้อมมีช่องสำหรับยึดแฮนด์ เพื่อสามารถต่อยอดแนวทางการแต่งได้มากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับกระจกปลายแฮนด์ อีกหนึ่งการดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็น Café Racer ในตัวคุณ

 

ถังน้ำมันสไตล์ Café Racer สามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 11.5 ลิตร

 

ไฟท้าย LED เพิ่มความชัดเจนในทุกจังหวะการเคลื่อนไหว

 

          ส่วนเบาะนั่งของ GPX Legend 200 ก็ยังคงความคลาสสิคตามแบบฉบับรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Café Racer ไว้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังออกแบบให้สามารถซ้อนท้ายได้โดยไม่ต้องถอดตูดมด เพื่อความสะดวกสบาย และยังออกแบบให้มีกล่องเก็บเครื่องมือประจำรถ ที่สามารถหยิบใช้งานได้อย่างสะดวก และมีกุญแจล็อคป้องกันเครื่องมือสูญหายอีกด้วย ไม่เพียงแต่เบาะนั่งเท่านั้นที่คงความคลาสสิค ส่วนของถังน้ำมันก็ได้ถูกออกแบบให้มีความคลาสสิคในสไตล์ Café Racer ไว้เช่นกัน โดยถังน้ำมันสามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 11.5 ลิตร ปิดท้ายด้วยไฟท้าย LED เพิ่มความชัดเจนในทุกจังหวะการเคลื่อนไหว

 

เรือนไมล์แบบดิจิตอล สามาถเปลี่ยนสีหน้าจอได้ และมีฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนทุกความต้องการ

 

ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี สะดวกสบายทุกการเดินทาง

          สำหรับหน้าปัดเรือนไมล์ของ GPX Legend 200 มาพร้อมกับเรือนไมล์แบบดิจิตอล ที่เปลี่ยนสีหน้าจอได้ และมีฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนทุกความต้องการ สตาร์ทเครื่องยนต์ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยปุ่มสตาร์ทมือ พร้อมไฟฉุกเฉินให้คุณได้มั่นใจทุกครั้งที่ใช้งาน สวิตช์แฮนด์อลูมิเนียม ทนต่อการใช้งาน พร้อมปุ่มกดแตร (แตรคู่ให้เสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์)

 

รูปทรงของตัวรถสามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว

 

          ด้านมิติตัวรถของ GPX Legend 200 มีความยาวอยู่ที่ 2,010 มม. ความกว้าง 750 มม. และความสูง 1,000 มม. ส่วนความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่งอยู่ที่ 790 มม. ระยะฐานล้อ 1,340 และมีน้ำหนักโดยรวมของตัวรถอยู่ที่ 140 กก.

 

โช๊คอัพหน้า Upside Down พร้อมดิสก์เบรคคู่หน้าแบบ Twin Disc Brake แบบกระจายน้ำหนักขณะเบรค

 

โช๊คอัพคู่ของ YSS แก๊สกึ่งน้ำมัน สามารถปรับความแข็งของสปริงได้ 6 ระดับ

 

ช่วงล่างแน่นหนึบ มั่นใจทุกการขับขี่

          สำหรับช่วงล่างของ GPX Legend 200 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ (Upside Down) ด้านหลังเป็นแบบโช๊คอัพคู่ของ YSS แก๊สกึ่งน้ำมัน ซึ่งสามารถปรับความแข็งของสปริงได้ 6 ระดับ สร้างความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีเยี่ยมในทุกการขับขี่ ส่วนระบบเบรคด้านหน้าเรียกได้ว่าจัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยดิสก์เบรคคู่หน้าแบบ Twin Disc Brake ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพิ่มการกระจายน้ำหนักขณะเบรค ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคดียิ่งขึ้น จับคู่กับคาลิเปอร์ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวจับคู่กับคาลิเปอร์ 1 POT วงล้อ Union Autoparts รัดด้วยยาง Vintage (ยางฟันเลื่อย) ของ Vee Rubber ตามสไตล์ Café Racer ที่ขนาดล้อหน้า 4.00-17 62s และล้อหลัง 4.50-17 62s

 

ครั้งแรกกับ Oil Cooler ของรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 200 ซีซี.

 

ท่อไอเสีย Mega Phone แบบ Stainless Steel ดีไซด์สุดคลาสสิคตามสไตล์ Café Racer

 

เครื่องยนต์พิกัด 200 ซีซี. พร้อม Oil Cooler ในตัว

          ส่วนในเรื่องของขุมพลังของเจ้า GPX Legend 200 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบขนาดความจุ 197 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ 65 มม. ระยะชัก 60 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 9.0:1 ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบคลัชท์มือ ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล และรวดเร็ว สั่งได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังมาพร้อมกับ Oil Cooler ที่ช่วยลดอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น ระบายไอเสียผ่านท่อไอเสีย Mega Phone แบบ Stainless Steel ดีไซด์สุดคลาสสิคตามสไตล์ Café Racer ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก.

 

รูปทรงที่ให้ความทะมัดทะแมง อีกหนึ่งสเน่ห์ของรถในสไตล์ Café Racer 

 

          สำหรับการทดลองขี่ เริ่มจากท่านั่ง และท่าทางการขับขี่ GPX Legend 200 ถือว่าดีไซน์มิติตัวรถออกมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดความสูง หรือความกว้างของตัวรถ โดยจากการขึ้นคร่อมครั้งแรก รู้สึกว่าท่าทางการขับขี่มีความทะมัดทะแมง เบาะนั่งให้ความกระชับที่เหมาะสม นุ่มนวล สามารถซ้อน 2 คนได้อย่างสบายๆ ความสูงอยู่ในระดับที่พอดีตัว (คนขับสูง 170 ซม.) ส่วนเรื่องของการควบคุมก็ทำได้อย่างคล่องตัว แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลสักเท่าไหร่ เนื่องจากแฮนด์รถอยู่ในระดับที่ต่ำเล็กน้อย ลักษณะการขับขี่จึงต้องก้มตัวลง แต่นั้นก็ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของรถในสไตล์ Café Racer

 

GPX Legend 200 ให้ฟิลลิ่งการขับขี่ที่นุ่มนวล และตอบสนองได้อย่างฉับไว

 

          สำหรับสมรรถนะการขับขี่ของเจ้า GPX Legend 200 ให้การตอบสนองได้อย่างฉับไวและเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเร่งแซง หรือช่วงทำความเร็ว อีกทั้งจังหวะรอบ และอัตราทดเกียร์ถือว่าทำงานได้อย่างสัมพันธ์กัน ส่งผลให้การเข้าเกียร์มีความนุ่มนวลและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในช่วงรอบต่ำ รวมถึงรอบสูงก็สามารถเข้าเกียร์ได้อย่างไม่ติดขัดหรือมีอาการกระตุกเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ซึ่งด้านความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 110 กม./ชม. (สภาพการจราจรแบบมีรถมาก) ซึ่งอาจจะไม่สูง หรือเร็วจนน่ากลัว แต่อย่าลืมว่ารถสไตล์ Café Racer นั้น สเน่ห์ของมันอยู่ที่ฟิลลิ่งการขับขี่ที่นุ่มนวล และมีความเอกลักษณ์ของตัวรถที่ชัดเจน กว่าที่จะมาคำนึงถึงความเร็วสูงสุด

 

หยุดรถได้อย่างมั่นใจ พร้อมลุยไปในทุกเส้นทาง

 

          อีกหนึ่งจุดขายของ GPX Legend 200 ที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ คือ เรื่องของระบบเบรคที่ดีไซน์แบบ Twin Disc Brake ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพิ่มการกระจายน้ำหนักขณะเบรค ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคทำได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงการตอบสนองของยาง Vintage (ยางฟันเลื่อย) ของ Vee Rubber ที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผมได้ลองใช้ทั้งเบรคหน้าอย่างเดียว และเบรกหลังเพียงอย่างเดียว เพื่อหาข้อเปรียบเทียบ จนสรุปได้ว่าเบรคหน้ามีความฉับไว และสามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเบรกแบบกะทันหัน หรือจะเป็นการเบรกเพื่อเข้าโค้ง ไม่มีอาการขืนของตัวรถแต่อย่างใด ส่วนเบรคหลังที่เป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ก็สามารถช่วยชะลอความเร็วได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการขับขี่ในสภาพถนนที่เปียกลื่น เพราะจะช่วยป้องกันปัญหาหน้าพับ หรือล้อหน้าล็อคได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วถือว่าระบบเบรกของ GPX Legend 200 สามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจ

 

GPX Legend 200 ทรงตัวดี เอาอยู่ทุกสถานการณ์

 

          ไม่เพียงแต่สมรรถนะการขับขี่ และการเบรคเท่านั้นที่ GPX Legend 200 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ในเรื่องของสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง GPX Legend 200 ก็เอาอยู่ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโค้งแคบ โค้งลึก หรือโค้งกว้างๆ แบบใช้ความเร็ว รวมไปถึงยูเทิร์นกลับรถ GPX Legend 200 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังคงควบคุมได้อย่างใจสั่ง ไม่มีอาการดิ้นสะบัด หรือสไลด์จนเสียอาการแม้สักครั้ง นั่นก็เป็นเพราะผลพวงจากระบบช่วงล่างที่ทาง GPX Racing เซ็ตมาให้แบบไม่มีกั๊ก กับชุดโช้คหน้าแบบ Upside Down และด้านหลังแบบโช๊คอัพคู่ YSS แก๊สกึ่งน้ำมัน ซึ่งสามารถปรับความแข็งของสปริงได้ 6 ระดับ สร้างความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีเยี่ยมในทุกการขับขี่

 

GPX Legend 200 คือรถมอเตอร์ไซค์ที่สาวก Café Racer คู่ควร และคุ้มค่าแก่การครอบครอง

 

          สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ถือว่า GPX Legend 200 เป็นรถ Café Racer ที่ขี่สนุก อัตราเร่งดี ช่วงล่างเอาอยู่ทุกสถานการณ์ ระบบเบรกทำได้อย่างมั่นใจ สำหรับใครที่ชื่นชอบการขับขี่รถสไตล์ Café Racer ผมกล้าพูดเลยว่า GPX Legend 200 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คนรักสองล้อสุดคลาสสิคไม่ควรมองข้าม

 

GPX Legend 200 กับราคาค่าตัวเพียง 67,500 บาทเท่านั้น

 

          สำหรับ GPX Legend 200 มีให้เลือก 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเหลือง, สีแดง, สีเทาด้าน, สีดำด้าน โดยมีราคาค่าตัวเพียง 67,500 บาทเท่านั้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า GPX Legend 200 คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่เหล่าสาวก Café Racer คู่ควร และคุ้มค่าแก่การมีไว้ในครอบครองอย่างแท้จริง

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook