หลังจากที่ บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของปี 2018 ทั้ง 7 รุ่น ไปในงาน Thailand International Motor Expo 2017 ที่ผ่านมา ได้แก่ตระกูล Z ได้แก่ Z900RS, Z900RS Café ตระกูล W ได้แก่ W250, W175 และตระกูล Ninja ได้แก่ Ninja250, Ninja400, Ninja ZX-10R และ Ninja H2 SX ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น Ninja 400 ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในการเปิดตัวครั้งนี้เลยทีเดียว
สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ Ninja 400 ใหม่
ล่าสุดทาง Kawasaki ได้จัดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ Ninja 400 ใหม่ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบขับขี่เป็นครั้งแรกหลังจากเปิดตัว เพื่อให้ได้สัมผัสถึงรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต และทราบถึงสมรรถะภาพที่ยอดเยื่ยมของรถด้วยตนเองอีกด้วย
ผู้บริหารระดับสูงให้เกียรติบรรยายสรุปข้อมูลของ Ninja 400
คุณโฮริอุจิ ยูจิ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท Kawasaki heavy industries motorcycle & engine company ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “เราพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใส่ใจในเรื่องประสบการณ์การขับขี่ เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัยได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทุกรุ่นมีจุดร่วมเรื่องแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดียวกันคือการผสมผสานระหว่าง "Ride" และ "Ideology" ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "Rideology" โดยเฉพาะรุ่น Ninja ที่เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นที่เราพัฒนาขึ้นมาพร้อมตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการขัดเกลาทักษะการขับขี่จนถึงขีดสุด ยิ่งทักษะการขับขี่สูงขึ้นมากเพียงใด ความสนุกสนานจากการขับขี่ที่ได้รับก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกันครับ”
Kawasaki Ninja 400
ไฟหน้า LED แบบ 2 โคมสไตล์ Ninja
ชุดแฟริ่งดีไซน์ใหม่ พร้อมมีแป็กกันล้มให้ในตัว
รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสไตล์ Ninja ล้ำยุค
Kawasaki Ninja 400 สวยเข้มเต็มขั้น มาพร้อมรูปลักษณ์สไตล์นินจาที่มีความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ล้ำยุค ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Ninja H2 มิติของตัวรถที่ดูโออ่า เช่นเดียวกับแฟริ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีเส้นสายดุดัน เติมเต็มอารมณ์ให้นึกถึงรถสปอร์ตพิกัดใหญ่ เสริมให้ดูดียิ่งขึน้ไปอีกด้วยดีไซน์การเก็บงานที่เหนือระดับ
แซสซีใหม่ ที่ให้น้ำหนักที่เบาลง ผสานเสถียรภาพการขับขี่ที่มั่นคง และคล่องตัว
น้ำหนักที่เบา คล่องแคล่ว
Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมน้ำหนักตัวรถที่ 168 กก. (น้ำหนักน้อยลงกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับโมเดลเก่า) แซสซีใหม่ผสมผสานเสถียรภาพความมั่นคงขับขี่ได้อย่างคล่องตัว การออกแบบที่กระชับขึ้น เสริมทั้งสมรรถนะด้านการควบคุม และความสะดวกในการใช้งาน
ออกแบบสวิงอาร์มใหม่ พร้อมจุดยึดสวิงอาร์มแบบเดียวกับ Ninja H2
มุมการวางองศาคอที่ชัน พร้อมแฮนด์แบบจับโช้คอัพ จึงทำให้การควบคุมนั้นมีความเบาเป็นธรรมชาติ
จุดยึดสวิงอาร์มใหม่
Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมกับจุดยึดสวิงอาร์มใหม่ เช่นเดียวกับ Ninja H2 พร้อมหูยึดสวิงอาร์มใหม่ ทำให้สามารถร้อยเพลายึดสวิงอาร์มผ่านเฟรมที่ด้านหลังของเครื่องได้ ซึ่งช่วยเสริมเรื่องเสถียรภาพ และลดน้ำหนักจากการตัดส่วนแป้นยึดเพลาที่หนักออก การควบคุมที่เบาสั่งได้ดั่งใจ เนื่องจากทั้งเครื่องยนต์ และเฟรมเป็นได้รับการออกแบบใหม่ จึงสามารถกำหนดองศา และตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสดุ แซสซีใหม่เป็นสไตล์รถซูเปอร์สปอร์ต ระยะฐานล้อสั้น ผสานกับสวิงอาร์มที่ถูกออกแบบมาให้มีความยาว เมื่อรวมเข้ากับมุมการวางองศาคอที่ชัน จึงทำให้การควบคุมนั้นมีความเบาเป็นธรรมชาติ
หน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิตอลผสมอนาล็อก ดีไซน์โดดเด่นล้ำสมัย พร้อมมีไฟแสดงตำแหน่งเกียร์
มิติเบื้องหลังแฮนด์หรูหรามีระดับ
Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมเรือนไมล์ และสวิตช์แบบเดียวกับ Ninja 650 ซึ่งสื่อให้เห็นถึงคุณภาพในมิติเบื้องหลังแฮนด์ที่กระทัดรัด บอกข้อมูลครบครันภายใต้ดีไซน์อันสวยงาม ประกอบด้วยมาตรวัดความเร็วรอบแบบเข็มขนาดใหญ่ตรงกลาง ซึ่งประกบด้วยไฟสญัญาณเตือนตา่งๆ ที่ฝั่งซ้าย และเลขบอกตำแหนง่เกียร์ ผ่านหน้าจอ LCD มัลติฟังก์ชั่นที่ด้านขวา
Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมมิติตัวรถที่คล่องตัว
ระบบเบรคของ Nissan ขนาด 2 Pot ทั้งหน้า และหลัง พร้อมระบบเบรค ABS
มิติตัวรถที่คล่องตัว ผสานระบบช่วงล่างที่มั่นคง
ด้านมิติตัวรถของ Kawasaki Ninja 400 มีความยาวอยู่ที่ 1,990 มม. ความสูง 1,120 มม. ความกว้าง 710 มม. ระดับความสูงของเบาะนั่ง 785 มม. ระยะฐานล้อ 1,370 มม. และมีน้ำหนักตัวรถที่ 168 กก. ซึ่งมาพร้อมกับระบบช่วงล่างแบบ Telescopic ขนาด 41 มม. และด้านหลังแบบ Mono Shock แบบมี Sub Tank ทำงานร่วมกับกระเดืองสวิงอาร์ม Uni-Trak ส่วนระบบเบรคเป็นปั้มเบรคของ Nissan ขนาด 2 Pot ทั้งหน้า และหลัง พร้อมระบบเบรค ABS
Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 399 ซีซี. DOHC 8 วาล์ว 45 แรงม้า
เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 400 ซีซี. อีกขั้นของความเร้าใจ
สำหรับขุมพลังของ Kawasaki Ninja 400 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ Parallel Twin ขนาด 399 ซีซี. DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 70 x 51.8 มม. กำลังอัด 11.5:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด พร้อม Slipper Clutch มอบสมรรถนะสูงสุด 45 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 38 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ของ Kawasaki Ninja 400 ทางทีมงาน BoxzaRacing ไม่ได้ทำการทดสอบด้วยตัวเอง แต่ก็สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดจากพี่ๆ สื่อมวลชนท่านอื่นๆ ที่ทำการทดสอบอย่างจริงจัง ซึ่งรับรู้ได้ถึงจุดเด่นที่ความคล่องตัว ผสานกับน้ำหนักที่เบา และตัวรถที่ดูโฉบเฉี่ยว ทำให้การพลิกรถเข้าโค้งซ้าย-ขวา ทำได้อย่างเนียนตา รวมไปถึงการเดินคันเร่งในทางตรงที่ดูแล้วค่อนข้างดี สามารถอัดคันเร่งได้อย่างรวดเร็วทันใจ หากแต่เสียงเครื่องยนต์อาจจะมีความเบาไปสักเล็กน้อย ซึ่งใครที่ชอบซุ่มแรงแบบเงียบๆ เป็นต้องถูกใจอย่างแน่นอน แต่หากใครที่ชื่นชอบความเร้าใจของเสียงเครื่องยนต์ แนะนำให้จัดชุดท่อไอเสียแบบ Full System สักชุด รับรองได้เลยว่า Kawasaki Ninja 400 จะแผดคำราม และให้อารมณ์การขับขี่ดุจรถแข่งในสนามอย่างแน่นอน ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing ต้องขออภัยที่ไม่ได้ทำการทดสอบด้วยตัวเอง หากแต่มีโอกาสในครั้งต่อไป ทางทีมงานจะนำมารีวิวกันอีกครั้งในแบบฉบับของทาง BoxzaRacing อีกครั้งหนึ่ง
Kawasaki Ninja 400 ราคา 198,000 บาท สำหรับรุ่น STD ส่วนในรุ่นสีพิเศษ Special Edition ราคา 205,000 บาท
สำหรับ Kawasaki Ninja 400 รุ่น Standard Edition ได้แก่สี Candy Plasma Blue และสี Metallic Spark Black มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 198,000 บาท สำหรับรุ่น Special Edition ได้แก่สี Lime Green/Ebony และสี Passion Red/Metallic Spark Black มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 205,000 บาท ซึ่งทางคาวาซากิคาดว่ารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่าง Ninja 400 นี้จะสามารถคว้าตำแหน่งรถยอดนิยมของผู้รักการขับขี่รถจักรยานยนต์ไปครองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน โดยสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.kawasaki.co.th