สิ้นสุดการรอคอย สำหรับแฟนๆ Honda ที่กำลังมองหาเจ้าสปอร์ตไบค์พิกัด 250 ซีซี. สมรรถนะสูงที่อยู่บนพื้นฐานรหัส RR หรือ Racing Replica กับเจ้า Honda CBR250RR ที่ได้มีการเปิดตัวในหลายๆ ประเทศเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จนมาถึงเมื่อปลายเดือนมีนาคม ในช่วงงาน Motor Show 2019 ทาง Honda ได้ประกาศเปิดตัวแบบสุดเซอร์ไพรซ์ให้กับแฟนๆ ผู้รอคอยสปอร์ตไบค์สุดหล่อคันนี้ เรียกเอาเสียงฮือฮาจากไบค์เกอร์ทั่วประเทศไทยได้ไม่น้อย และเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง A.P. Honda ได้เปิดโอกาสให้กับทางสื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบขับขี่ Honda CBR250RR ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในชื่องาน The Premiere Circuit Experience และ BoxzaRacing ได้เข้าร่วมทดสอบการขับขี่ครั้งนี้ เพื่อเค้นเอาสมรรถนะมารีวิวให้กับแฟนได้ชมกันครับ ส่วนบรรยากาศภายในงานจะเป็นอย่างไร ตามไปชมด้วยกันเลย
บรรยากาศในงาน The Premiere Circuit Experience ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนกว่า 30 ท่าน พร้อมกับลูกค้าที่จอง Honda CBR250RR ภายในงาน Motor Show จำนวน 11 ท่าน ที่ได้สิทธิพิเศษร่วมทดสอบขับขี่ในครั้งนี้ด้วย โดยในช่วงเช้าจะเป็นการเข้าอบรม รับทราบข้อมูลของตัวรถ พร้อมเทคนิคในการขับขี่ที่เร็วและปลอดภัย โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารของทาง A.P. Honda นำโดย คุณ อารักษ์ พรประภา ได้มากล่าวทักทายและให้ข้อมูลเทคนิคต่างๆ ของตัวรถโดยผู้เชี่ยวชาญ
ตามด้วยการส่งมอบรถ Honda CBR250RR และถ่ายภาพเป็นสักขีพยานให้กับลูกค้าจำนวน 11 ท่าน ที่จองรถล็อตแรกภายในงาน Motor Show 2019 พร้อมสิทธิพิเศษร่วมทดสอบขับขี่และสัมผัสประสบการณ์บนสนามระดับโลกด้วย Honda CBR250RR ส่งท้ายกิจกรรมอบรมช่วงเช้าด้วยการรับฟังเทคนิคการขับขี่ในสนามจากนักแข่งมืออาชีพของ A.P. Honda ทั้ง 4 ท่าน นำโดย ฟีม รัฐภาค วิไลโรจน์ เพื่อให้การขับขี่ทดสอบครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยครับ
หลังจากที่อบรมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง Staff ของ A.P. Honda ก็ได้เตรียมรถไว้ให้กับทางสื่อมวลชนไว้อย่างหลากหลาย สัมผัสแรกที่ได้เห็นและขึ้นคร่อม ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่เบาหวิว ทรวดทรงของตัวรถที่พอเหมาะพอดีไม่ใหญ่จนเกินไปและไม่เล็กจนเกินไป ท่านั่งที่ออกแบบมาให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยตำแหน่งแฮนด์ที่ย้ายลงไปจับที่ใต้แผงคอ แต่ยังไม่ถึงกับหมอบมากไป เพราะด้ามของแฮนด์ยังมีองศาที่ค่อนข้างตรงอยู่ เพียงแต่ย้ายตำแหน่งให้ต่ำลงเพื่อฟิลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตกว่าเดิม แต่ก็สามารถขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่เมื่อย แต่ถ้าให้พูดถึงดีไซน์และความหล่อแล้วขอบอกเลยว่า 10 เต็ม 10 แถมฟิลลิ่งความสปอร์ตนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น งานนี้...กลิ่นอายปลาดิบมาเต็ม
ยังอยากโม้ไม่หยุด Honda CBR250RR คันนี้...เหมือนจะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของทาง Honda เลยก็ว่าได้ ด้วยการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ในคลาสขนาด 250 ซีซี. ที่สามารถกักเก็บขุมพลังและเทคโนโลยีที่เหนือกว่ารถรุ่นอื่นในพิกัดเดียวกันได้ขนาดนี้ หรืออาจสามารถเทียบเคียงกับรุ่นใหญ่บางรุ่นเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราคาค่าตัว 249,000 บาท กับรถมอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี. หลายๆ คนที่พึ่งจะรู้จักและได้เห็นราคา คงจะมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ราคาขนาดนี้...ไปเอารุ่นใหญ่กว่านี้จะไม่ดีกว่าหรือ" จะว่าอย่างนั้นมันก็ถูกครับ แต่ถ้ามองอีกมุมคุณลองคิดดูว่า "รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์ 250 ซีซี. ราคา 2 แสนกว่าบาท แต่รถนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตโดยตรง แถมในตัวรถมีเทคโนโลยีของรถแข่งเข้ามาติดตั้งอยู่แทบทุกจุด และถูกปรับเซ็ททุกอย่างให้ลงตัวจากโรงงาน โดยที่ไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรมากมาย สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันขี่หล่อก็ได้หรือจะเอาไปลงสนามก็เพอร์เฟ็ค" หรืออยากเพิ่มเติมฟิลลิ่งให้เร้าใจอีกนิด ท่อสูตรดีๆ สักใบ ยางหนึบๆ สักคู่ แค่นี้ก็ใจละลายติดไปกับเจ้า CBR250RR ได้ง่ายๆ แล้วครับ
เริ่มพาลงไปวิ่งเล่นในสนาม โดยเริ่มจากการขี่ธรรมดาเพื่อปรับตัวผู้ขี่ให้เข้ากับรถเสียก่อนประมาณรอบสองรอบ ความรู้สึกในตอนแรกเริ่มนั้น มีความคล้ายคลึงกับรถสปอร์ตไบค์คลาส Under 400 ทั่วไป แต่จะต่างที่สุดก็คงจะเป็นท่านั่งของผู้ขับขี่ ที่มีตำแหน่งที่หมอบมากกว่ารุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกัน และลองสำรวจสรีระท่านั่งอีกจุดที่รู้สึกว่าโอเคมากนั่นก็คือ ถังน้ำมัน ที่ออกแบบดีไซน์มาให้มีเหลี่ยมคมที่รองรับการขับขี่ในสนาม ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งข้างถังที่เมื่อเราจะพับขาติดกับถังน้ำมันเวลาหมอบจนไปถึงตำแหน่งวางแขน เวลาเกาะถังเข้าโค้งทำให้รู้สึกกระชับเข้ากับตัวรถได้ดีมาก หรือการพับแขนเข้าในตอนหมอบที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเคืองเลย ต่อด้วยทางผู้ขับขี่ได้ทำการทดสอบลูกเล่นใหม่ ที่เพิ่มเข้ามาและเหมือนจะมีเพียงรุ่นเดียวที่มีการติดตั้งคือโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ ซึ่งทำงานร่วมกันกับระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire โดยจะผสานการทำงานต่อไปอีกกับเซ็นเซอร์ APS (Accelerator Position Sensor Unit) ที่มีหน้าที่ตรวจวัดแรงบิดของคันเร่งเพื่อส่งข้อมูลไปยัง ECU และประมวลผลสั่งการร่วมกับการเปิด-ปิด เรือนลิ้นเร่งอย่างแม่นยำ
โดยโหมดการขับขี่ของ Honda CBR250RR มีให้เลือกถึง 3 โหมด โหมดแรกคือ โหมด Comfort ที่มีความสมูธของคันเร่งที่สุด โดยจะมีไว้สำหรับใช้ในสถานการณ์พื้นถนนลื่น เปียกชื้น หรือในสภาพการจราจรติดขัด ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ต่อมาคือ โหมด Sport ที่เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อเปิดกุญแจสตาร์ทรถ โดยจะมีความแรงและการตอบสนองคันเร่งในแบบปานกลาง เหมาะสำหรับการใช้งานเมื่อเดินทางหรืออยากขี่รถเล่นแบบเร้าใจ และโหมดสุดท้ายคือ โหมด Sport+ ที่ปล่อยเต็มแรงม้า เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความแรงอย่างเต็มระบบ เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งหรืออยากทดสอบความเร็วในที่ปลอดภัย และผลการทดสอบแต่ละโหมดออกมานั้น เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังจริงๆ โดยเฉพาะการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire เพราะตอนแรกคิดว่าคันเร่งไฟฟ้า คงจะมีอาการดีเลย์เมื่อเปิดคันเร่งอยู่ประมาณหนึ่ง เหมือนคันเร่งไฟฟ้าทั่วไปในรถบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ แต่พอลองเปิดคันเร่งเล่นๆ ทุกโหมดแล้ว คันเร่งมีการทำงานที่แม่นยำทุกจังหวะจริงๆ ครับ เอาใจไปเลย
เริ่มคุยกันรู้เรื่อง พอเริ่มปรับตัวหากันได้แล้ว ทางผู้ทดลองขี่จาก BoxzaRacing ได้เริ่มใช้ความเร็วในโค้งมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเค้นเอาอาการรถให้ออกมาเยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยกคันเร่งลึกๆ ที่โค้ง T12 ที่เหมือนจะเห็นผลบางอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ในตอนเชนจ์เกียร์หนักๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจ้า Honda CBR250RR ไม่มี Slipper Clutch และในตอนที่เชนจ์เกียร์หนักๆ กลับไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์มีการกระชากอย่างรุนแรง แต่กลับรู้สึกว่ามีความสมูธเหมือนมี Slipper Clutch รองรับไว้ แถมการยุบตัวคืนตัวของโช้คอัพหน้าเดิมของ Showa ขนาด 37 มม. และโช้คอัพหลังเดิมแบบ Pro Link ที่ปรับให้แข็งสุด ผนวกกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมและยางเดิมคุณภาพเยี่ยมที่ติดมาให้จากโรงงานโดยใช้ยางของ Dunlop รุ่น GPR300 ยางหน้าขนาด 110/70 R17 และยางหลังอยู่ที่ 140/70 R17 ขอบอกเลยว่าเอาอยู่แน่นอน เพราะคอนเฟิร์มจากสรีระของตัวผู้ขับขี่ที่มีน้ำหนักถึง 95 กิโลกรัม แต่ช่วงล่างของตัวรถไม่มีอาการย้วยใดๆ ให้เห็นเลยครับ
พอพูดถึงช่วงล่างที่ได้สัมผัส ถ้าไม่พูดถึงเรื่องระบบเบรกก็คงไม่ได้ โดยครั้งนี้ผู้ขับขี่ได้ทดลองใช้เบรกหน้าที่โค้ง T3 โดยตรงออกมาจากโค้ง T2 แล้วซัดมาเต็มคันเร่งที่ทางตรงกับความเร็วประมาณ 172 Km/h แล้วลองยกคันเร่งให้ลึกสุดเท่าที่จะลึกได้ แล้วใช้เบรกหน้าอย่างเต็มกำลังด้วยปั๊มเบรกหน้า Nissin แบบ Axial Mount ขนาด 2 ลูกสูบ ควบคู่กับดิสก์เบรกหน้าแบบ Semi-Floating ขนาด 310 มม. ขอบอกเลยว่าเอาอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่ถึงกับเบรกอยู่จนหัวทิ่ม แต่ก็สามารถรองรับความเร็ว 170+ Km/h แล้วเบรกหนักๆ ได้สบายๆ สำหรับสายสนาม แต่ถ้าให้พูดถึงการใช้งานบนถนนก็บอกได้เลยว่าเหลือๆ เพราะมีระบบ ABS เข้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของระบบเบรกในตัวรถทำให้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมครับ
มาถึงส่วนที่หลายๆคนอยากเสพ กับขุมพลังความแรงที่ถ่ายทอด DNA จากรถแข่ง RC213V ด้วยเครื่องยนต์พิกัด 250 ซีซี. 2 ลูกสูบ Parallel Twin DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ กับความพิเศษด้วยการออกแบบจัดวางระบบภายในเครื่องยนต์ให้มีความกระทัดรัด ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป สามารถทำงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพสูงสุดและมีน้ำหนักที่เบาลง โดยความรู้สึกเมื่อใช้คันเร่งที่หนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อผลักตัวเองออกจากโค้งด้วยโหมด Sport+ รู้สึกได้เลยว่าการทำงานของเครื่องยนต์ 250 ซีซี. 2 ลูกสูบ บล็อคนี้ จัดจ้านเอาเรื่อง จนไปถึงการทำความเร็วสูงสุดที่ทางตรง 1 กิโลเมตร จากโค้ง T1 ถึง โค้ง T3 ทางผู้ขับขี่ของ BoxzaRacing สามารถทำได้สูงสุด 172-174 Km/h จากน้ำหนักตัวผู้ขับขี่ 95 กิโลกรัม แต่เหมือนจะได้ยินแว่วๆ จากผู้ขับขี่ท่านอื่นสามารถเค้นได้ถึง 180+Km/h เลยทีเดียว ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะภายในเครื่องยนต์มีความพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกันคือ ลูกสูบที่มีการเคลือบสารโมลิบดีนัม ที่มีคุณสมบัติ ลดแรงเสียดทาน ทำให้การทำงานของลูกสูบขับเคลื่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถรีดแรงม้าออกมาได้ถึง 38 ตัว ที่ 12,500 รอบ/นาที และยังสามารถลากรอบได้สูงสุดถึง 14,000 รอบ/นาที ต้องบอกเลยว่า ในวินาทีที่ลากรอบสุดๆ แบบชนเรดไลน์ เสียงของเครื่องยนต์มันช่างสะท้านเข้ามาในหมวก สัมผัสได้ถึงความจัดจ้านที่ไร้คู่แข่งเสียจริงๆ
ส่งท้ายกันที่ลูกเล่นในตัวเรือนไมล์ของเจ้า Honda CBR250RR คันนี้กันครับ เริ่มด้วยสิ่งแรกที่รถสปอร์ตไบค์รหัส RR ของฮอนด้าที่เรียกได้ว่าเป็นสปอร์ตเต็มตัวคือโหมดการจับ Time Lap หรือโหมดการจับเวลาต่อรอบ ซึ่งโหมดนี้ ในรถพิกัดเดียวกันกับ CBR250RR คงไม่มีรุ่นใดติดตั้งมาให้จากโรงงานแน่นอน แต่ในตัวเจ้า Honda CBR250RR ได้ถูกติดตั้งมาให้เป็นที่เรียบร้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบลงสนามแข่งและสามารถใช้ในการแข่งขันจริงได้เลย ถือว่าโดนใจสำหรับสาย Racing เลยทีเดียว และต่อมากับไฟเตือนรอบเปลี่ยนเกียร์หรือ Shift Light ที่สามารถปรับจังหวะการกระพริบในรอบเครื่องที่ต้องการได้ตามความชอบของผู้ใช้งานได้อย่างละเอียด แถมความเฟี้ยวกว่าเดิมคือ สามารถปรับจังหวะการกระพริบแจ้งเตือนของไฟ Shift Light โดยจะกระพริบแจ้งเตือนในรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันในแต่ละโหมดการใช้งานได้ เช่น โหมด Sport+ อยากให้ไฟ Shift Light ทำงานที่ 14,000 รอบ/นาที , โหมด Sport อยากกำหนดให้ไฟ Shift Light ทำงานที่ 12,000 รอบ/นาที ตามความต้องการของผู้ใช้งาน และยังสามารถปรับรูปแบบตัวขีดวัดรอบเมื่อ Shift Light ทำงานให้กระพริบตาม Shift Light ให้แสดงในรูปแบบต่างๆ ได้ ถือว่าเป็นลูกเล่นที่ทาง Honda ได้ติดตั้งมาให้กับเจ้า Honda CBR250RR เพียงกดเข้าเมนูด้วยการปิดกุญแจแล้วกดปุ่ม Select แช่ไว้ แล้วเปิดกุญแจใหม่ ระบบจะเริ่มต้นเข้าสู่หน้าจอการปรับตั้งระบบ Shift Light ทันที ผู้ใช้งานก็สามารถปรับตั้งค่าตามคู่มือที่ติดรถมาได้เลยครับ
ความเห็นส่วนตัวจากความรู้สึกที่ได้ไปทดลองขับขี่ ต้องขอบอกเลยครับว่า Honda CBR250RR เป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์คลาสเริ่มต้นอีกหนึ่งรุ่น ที่มีความพิเศษในตัวมากมาย ในตอนแรกผมก็มีความคิดเหมือนหลายๆ คนที่ว่า ราคา 249,000 บาท กับรถพิกัดเพียง 250 ซีซี. ในบ้านเรา ถือว่ามันก็เว่อร์วังเอาการ แต่พอได้สัมผัสทุกฟิลลิ่งแล้ว ผมแทบอยากลบคำสบประหม่าที่คิดไว้กับรถคันนี้ทันทีครับ สำหรับผู้ใช้งานท่านใดที่อยากสัมผัสกับรถเทคโนโลยีสูงๆ แต่อาจจะยังไม่มีงบถึงรถที่มีราคาเฉียดถึง 7 หลัก ผมขอแนะนำเจ้า Honda CBR250RR คันนี้ไปเลยครับ เชื่อว่า...ไม่ผิดหวังแน่นอน ตั้งแต่หน้าตาความหล่อ การดีไซน์สรีระรูปทรงของตัวรถที่เกินราคา กับจุดเด่นที่ขุมพลัง เทคโนโลยี สมรรถนะที่เหนือสุดจนกล้าพูดได้เลยว่าเป็น สปอร์ตไบค์ 250 ซีซี. ที่แทบจะไร้คู่แข่ง เลยก็ว่าได้ครับ
และนี่คือรีวิวการทดลองขับขี่ Honda CBR250RR ในงาน The Premiere Circuit Experience ที่ทาง A.P. Honda ได้จัดให้กับทางสื่อมวลชนได้ทดสอบขับขี่กันอย่างจุใจ ต้องขอขอบพระคุณทาง A.P. Honda มา ณ ที่นี้ด้วยครับ สำหรับความรู้สึกที่ได้ทดสอบขับขี่ ทางผู้ทดสอบได้เขียนบรรยายตามความรู้สึกจากสมรรถนะของตัวรถที่รีดเค้นออกมากทุกจุด เพื่อให้แฟนๆ ที่หลงใหลเจ้า Honda CBR250RR ได้เสพกันอย่างหนำใจก่อนที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของว่า...เงิน 249,000 บาท ที่จ่ายไปมันจะคุ้มค่าไหม งานนี้ต้องใช้วิจารณญาณของผู้อ่านนะครับ เพราะคุณเท่านั้นคือ ผู้ตัดสินว่ามันคือตัวตนที่แท้จริงหรือไม่ สำหรับวันนี้ BoxzaRacing ต้องขอลากันไปก่อน ไว้พบกันในการเทสรถรุ่นต่อไป...สวัสดีครับ