Honda ADV150 สกู๊ตเตอร์สายลุยที่เป็นกระแสมาสักพักใหญ่ๆ ในครั้งนี้ทางญี่ปุ่นได้มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการออกมาแล้วในวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ในงาน Tokyo Motor Show ซึ่งถ้าดูเส้นไทม์ไลน์แล้วระยะเวลา จะไล่เลี่ยกันกับการเปิดตัวในประเทศไทยเช่นกัน โดยทางประเทศไทย จะมีส่วนรับผิดชอบในการเป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของ Honda ADV150 ด้วย ซึ่งอาจจะมีผลในด้านของราคาค่าตัวที่จะสามารถจับต้องได้ง่ายขึ้นสำหรับคอสกู๊ตเตอร์ชาวไทยเลยทีเดียว
ก่อนที่จะถึงวันเปิดตัวจริงนั้น เราได้ข้อมูลของตัวรถที่คาดการณ์คร่าวๆ มาว่า จะมีการแบ่งขายเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ตัวเริ่มต้น จะเป็นรุ่นที่ให้ระบบเบรก Combi Brake และรุ่นที่ให้ระบบเบรก ABS ที่จะมีน้ำหนักต่างกันเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น โดยรุ่น Combi Brake จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 132 กิโลกรัม และรุ่น ABS จะอยู่ที่ 133 กิโลกรัม แต่ในเรื่องของสเปคต่างๆ จะเป็นสเปคเดียวกันทั้งหมด คือ เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ 149.3 ซีซี. SOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ให้พละกำลังสูงสุดที่ 14.5 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 13.8 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที โดยคาดว่าอาจจะใช้เครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกันกับ Honda PCX150 แต่อาจมีการปรับจูนความจัดจ้านให้มากขึ้น เพื่อให้ได้อารมณ์สมกับเป็น Scooter Adventure อย่างแท้จริง
และในส่วนของระบบช่วงล่าง จากภาพก็เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มมาให้ไม่เบาเลยทีเดียวพร้อมการจัดทรงให้ตัวรถมีความกระชับดูทะมัดทะแมงมากขึ้นในสไตล์ Adventure เริ่มด้วยชุดโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิคและโช้คอัพหลังแบบมีซับแทงค์ ไซส์ยางหน้าอยู่ที่ 110/80R14 และยางหลังอยู่ที่ 130/70R13 ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าขนาดความกว้างของล้อหน้าจะกว้างกว่าล้อหลัง 1 ไซส์ ด้วยเหตุเพราะว่าเพื่อเป็นการออกแบบช่วงล่างเพื่อให้ตอบโจทย์กับสายลุยตะกุยดินให้อย่างหนำใจ
ในส่วนของระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ นั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับค่ายปีกนกในยุคนี้เลยก็คือ ระบบไฟส่องสว่างต้องเป็น LED รอบคันเป็นที่เรียบร้อยอย่างแน่นอนครับ ตามด้วยชุดเรือนไมล์แบบ Full Digital ดีไซน์สายลุย พร้อมกับชิลด์หน้าสามารถปรับสูงต่ำได้ เพื่อตอบโจทย์ให้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานในการเดินทางไกลได้อย่างสะดวก รวมถึงที่เก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุสัมภาระสำหรับการเดินทางได้ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียวครับ...สำหรับการเปิดตัวนั้นจะมีการอัพเดทอะไรขึ้นมาอีก สามารถติดตามกันได้เลยที www.BoxzaRacing.com
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Young Machine
