เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2564 - 12:48

Bajaj Dominar 400 อยากได้ความมันส์แบบนี้ ในค่าตัวเท่านี้ จะไปหาจากไหน ?

 

         Bajaj (บาจาจ) อีกหนึ่งแบรนด์มอเตอร์ไซค์น้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเพียงไม่ถึงปี ซึ่งในช่วงที่เข้ามาใหม่ๆ ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ตามสไตล์คนไทยส่วนใหญที่มักจะแอนตี้อะไรที่ภาพลักษณ์หรือเบื้องหลังที่ไม่ได้สวยหรูมากนัก ยอมรับตามตรงเลย ว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่ถึงจะไม่ได้คิดลบกับแบรนด์นี้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าแบรนด์มอเตอร์ไซค์สัญชาติอินเดีย ซึ่งเป็นน้องใหม่ (ในบ้านเรา) จะให้ความรู้สึกที่น่าประทับใจได้มากขนาดไหน...จนกระทั่งวันที่ได้ขี่อย่างจริงจัง ความจริงจึงปรากฏ

 

 

          แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ในเมืองไทย แต่อันที่จริงแล้ว ความไม่ธรรมดาของ Bajaj นั้น ยังคงอยู่ในระดับ “รุ่นเก๋า” โดยเป็นแบรนด์ยอดนิยมจากประเทศอินเดีย ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 76 ปี และเป็นที่นิยมของนักบิดทั่วโลก โดยมียอดขายรวมเป็นอันดับที่ 3 ของโลก สำหรับรุ่นที่ได้นำมาทดลองขี่ในครั้งนี้ คือ Bajaj Dominar 400 (บาจาจ โดมินาร์ 400) มอเตอร์ไซค์แนว Sport Touring ซึ่งจะว่าเป็น Top Line ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยก็ว่าได้ โดยแม้จะมาในคลาส 400 ซีซี. แต่ Dominar 400 กลับถูกตั้งค่าตัวเอาไว้เพียง 115,000 บาท และแน่นอนว่าการจ่ายเพียงเท่านี้ กับรถคลาสนี้ มันเป็นอะไรที่ดึงดูดใจไม่น้อย จ่ายเพิ่มจากค่าตัวรถแบรนด์เจ้าตลาดคลาส 150 ซีซี. ไม่กี่พันบาท ก็ได้ขี่รถในคลาสสูงกว่า สามารถขี่ไปไหนกับใครก็ได้ แบบนี้สิ...น่าสน ดูแล้วเป็นเงื่อนไขที่เข้าทางสำหรับคนที่อยากได้มอเตอร์ไซค์ที่มีความน่าสนใจมากกว่าการขี่ไปจ่ายตลาดทั่วไป แต่ต้องการสมรรถนะในระดับคาดหวัง หรือใช้สำหรับการเดินทางไกลๆ สามารถทำความเร็วได้ โดยยังคงให้ความมั่นใจในสมรรถนะการขับขี่ที่เต็มเปี่ยม

 

 

          ว่ากันด้วยภาพรวมของ Bajaj Dominar 400 ดูไปดูมาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แม้องค์ประกอบบางอย่าง จะให้ความรู้สึกที่ดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่โดยพื้นฐาน ดูจะเป็น “ของดี” และ “คุ้มค่า” ไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มจากระบบส่องสว่างที่มาในรูปแบบ LED พร้อมระบบการเปิด - ปิด อัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ในส่วนของไฟสูง สามารถเปิดใช้งานโดยงดใช้ไฟต่ำ (ผมยังไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์เท่าไหร่ แต่หลังจากที่ลองเปิดใช้งาน ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ลองใช้และเอาตามที่ชอบส่วนบุคคลล่ะกันครับ) ในภาพรวมก็ถือว่าให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่ดีในยามค่ำคืน หน้าปัดมาในรูปแบบ 2 จอ เก๋ไก๋ ดูแพงไปอีกแบบ สามารถบ่งบอกค่าต่างๆ ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ ระยะทาง อัตราสิ้นเปลือง รวมถึงฟังค์ชั่นการเตือนต่างๆ เช่น ตำแหน่งขาตั้ง, สวิตช์ Run Off อีกหนึ่งข้อดีของ Bajaj Dominar 400 คือ บริเวณประกับแฮนด์ หรือสวิตช์ต่างๆ มีไฟเรืองแสง และจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้สามารถใช้งานฟังค์ชั่นต่างๆ ได้ง่าย ไม่สับสน

 

Bajaj Dominar 400 กับโครงสร้างแบบ Solid Stamped Perimeter Frame

 

          Bajaj Dominar 400 มาพร้อมโครงสร้างในรูปแบบ Solid Stamped Perimeter Frame ที่ผสานความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นไว้ในหนึ่งเดียว ช่วยให้สามารถควบคุมรถได้ง่าย มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยหน้าที่การขับเคลื่อนยกให้เป็นของเครื่องยนต์สูบเดี่ยว พิกัด 373 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ร่วมกับหัวเทียนแบบ 3 หัว ซึ่งทางค่ายอ้างว่า ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้สมูท ลดการสั่นในรอบสูง เครื่องยนต์บล็อคนี้ ให้กำลัง 39.4 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตัน-เมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 6 สปีด ที่มี Slipper Clutch มาช่วยผ่อนแรงกระชาก ขณะตบรวบเกียร์อย่างรวดเร็ว โดย Bajaj Dominar 400 มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร

 

Bajaj Dominar 400 ให้กำลัง 39.4 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตัน-เมตร

 

 

         แม้ในภาพลักษณะอาจดูไฮแบบแบรนด์เนม แต่เครื่องเคียงของ Bajaj Dominar 400 หาได้ธรรมดาไม่ เพราะจัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยวอย่างกะบิ๊กไบค์ระดับตัวพันเลยทีเดียว เริ่มจากโช้กอัพหน้าแบบ Upside Down ที่มาพร้อมขนาดแกน 43 มม. และโช้กอัพหลังแบบมีซับแทงค์ ระบบเบรกมาในแบรนด์ปิดทองหลังพระอย่าง Bybre ยึดกับโช้กหน้าแบบเรเดียลเม้าท์ ซึ่งหลายๆ คนรู้ซึ้งถึงประสิทธิภาพเป็นอย่างดี โดยมาพร้อม ABS ทั้งหน้าและหลัง ช่วยให้การควบคุมทิศทางในขณะเบรกอย่างรุนแรง ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของยยางติดรถ เห็นแล้วต้องบอกว่า ราศีดีกว่าเพื่อนร่วมคลาสหลายๆ คัน เพราะให้มาในขนาด 110/70 R17 และ 150/60 R17 เมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Bajaj Dominar 400 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 184.5 กก.

 

 

         ถึงเวลาได้ลองขี่ จุดเด่นอย่างหนึ่งของความเป็นรถในคลาส 400 ซีซี. คือ จะยังเป็นรถที่สามารถใช้งานได้ง่าย ขี่ได้โดยที่ไม่ต้องปรับตัวเยอะ หรือใช้ทักษะที่สูงมากเกินไป เช่นเดียวกับ Bajaj Dominar 400 ที่ดูจากตัวเลขน้ำหนักแล้ว อาจจะไม่น้อย แต่ด้วยขนาดที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป รวมถึงความสูงเบาะเพียง 800 มม. ทำให้ผู้ขี่ไซส์มาตรฐานคนไทย สามารถควบคุมรถได้ง่าย ทั้งการเข็น การประคองต่างๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการจะอัพ ซีซี. สู่รุ่นใหญ่ในอนาคต หรืออยากจะขี่รถในสไตล์พอเพียง ที่สามารถขี่ไปไหนมาไหนกับใครก็ได้แบบไม่ต้องกลัวว่าจะตามไม่ทัน หลังจากที่กดปุ่มสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมาแบบทุ้มๆ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง ความหนักหน่วงของสุ้มเสียง อยู่ในระดับที่กำลังดี ไม่เงียบเกินไปจนขัดอารมณ์ ตบเกียร์ 1 ออกตัว รู้สึกว่าช่วงเกียร์ค่อนข้างสั้น นั่นทำให้อัตราเร่งสามารถทำได้อย่างทันอกทันใจ การเลี้ยวด้วยการเซ็ตองศาคอ อาจทำให้รู้สึกไวหรือขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งตัดสิน...ถ้ายังไม่ได้ลองของจริงต่อจากนี้

 

 

          ความขัดใจอย่างหนึ่งในขณะขับขี่ คือ แม้ว่าจะมีหน้าจอบ่งบอกข้อมูลมาให้ถึง 2 จอ แต่สำหรับจอที่ 2 บริเวณถังน้ำมัน อันเป็นที่อยู่ของตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ ไม่สามารถมองได้จากการใช้งานจริง (ต้องตั้งใจก้มมอง) แต่ยังดีที่ตัวเลขบอกเกียร์นั้น สามารถเซ็ตเพื่อให้แสดงบนหน้าจอหลักได้ สำหรับการขับขี่ในเมืองของ Bajaj Dominar 400 ที่ต้องสู้กับสภาพการจราจรแออัด ถือว่าทำได้น่าประทับใจ การควรคุมง่าย พละกำลัง ระบบเบรก ถือว่าสั่งได้ในระดับที่ควรจะเป็น การต่อเกียร์ทำได้อย่างราบรื่น ให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง แรงบิดที่ดี ไม่มีขาดหาย จะมีจุดขัดใจก็ตรงที่ รอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ใช้ได้คือ 9,500 รอบ/นาที แต่หน้าจอเรือนไมล์กลับทำสเกลไว้สูงถึง 13,000 รอบ/นาที ซึ่งส่งผลให้สเกลในการแสดงผลได้จริง ถูกลดทอนพื้นที่ลงไปโดยไม่จำเป็น ตัวเลขวิ่งได้ไม่เต็มสเกล อารมณ์การขับขี่แอบหาบไปเล็กน้อย แต่หากไม่ซีเรียส ก็ไม่ส่งผลต่อการขับขี่มใดๆ ความรู้สึกตอนขี่จะบอกเราเอง ว่าควรเปลี่ยนเกียร์ในช่วงไหน

 

 

         สิ่งที่ดีกว่าภาพลักษณ์ไปไกล คือ ฟีลลิ่งการทำงานของช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจได้ในระดับที่ดี ดีขนาดที่ว่ารถแพงกว่าหลายๆ คัน ยังให้ความมั่นใจแบบนี้ไม่ได้ อย่างที่ผมได้บอกไปในข้างต้นว่า การเลี้ยวที่ความเร็วต่ำ อาจให้ความรู้สึกที่ดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่สำหรับการเทโค้งเมื่อมีความเร็วเพิ่มขึ้นมา เช่น การยูเทิร์นเกือกม้า การแบนโค้งต่างๆ กลับให้ความรู้สึกที่ดี มีความมั่นคงจนอยากที่จะเทรถลงไปอีก ได้อีก ได้อีก อารมณ์มันเป็นประมาณนั้นจริงๆ ซึ่งนอกจากการเซ็ตช่วงล่างมาดีแล้ว ก็คงต้องยกเครดิตให้กับการเลือกให้ยางที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Michelin Pilot Road 5 มันคือ ดีงามเกินหน้าตารถไปไกล เช่นเดียวกับการทำความเร็วสูง อัดยาวๆ ความเร็ว 150-160 กม./ชม. ยังรู้สึกว่าตัวรถทรงตัวได้นิ่ง ไม่มีอาการแกว่งใดๆ ดูแล้วเดินทางไกลๆ คงสนุกแน่ๆ แค่คุณต้องมีแรงสู้กับลมปะทะด้านหน้าสักหน่อยเท่านั้น

 

 

         แม้ว่าการใช้ความเร็วสูง อาจทำให้คุณสนุกและได้ใช้ประสิทธิภาพของ Bajaj Dominar 400 ได้อย่างเต็มที่ แต่มันมีข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ อย่าติดประมาทจนเกินไป แม้ว่าเบรกที่ให้มาจะมีคุณสมบัติที่ดีพอตัว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้ความเร็วเท่าไหร่ก็ได้ แล้วค่อยไปเบรกเอาเมื่อถึงคราเข้าตาจน เผื่อระยะ ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ก็จะช่วยให้การขี่ทำได้อย่างมีความสุขมากขึ้น แต่หากจำเป็นต้องเบรกแรงๆ จริงๆ สามารถรวบเกียร์เข้าช่วยได้ในระดับหนึ่ง การที่ตัวรถมีสลิปเปอร์คลัทช์มาให้ จะช่วยลดแรงกระชากจากการรวบเกียร์ให้สมูทมากขึ้น ทำให้สามารถลดความเร็วได้แบบไม่เสียอาการ ยิ่งมีโอกาสได้ขี่มากขึ้นเท่าไหร่ บอกเลยว่ายิ่งสนุกกับ Bajaj Dominar 400 มากขึ้นเท่านั้น ด้านอัตราการสิ้นเปลือง ตลอดการทดลองขี่ในสภาวะที่แตกต่างกันออกไปในระยะทางประมาณ 200 กม. ตัวเลขบนหน้าจอขึ้นอยู่ที่ 24-25 กม./ลิตร ซึ่งถ้าเทียบกับสไตล์การขับขี่แล้ว ต้องบอกว่า...กินไม่จุอย่างที่คิด

 

         ไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่ารถคันละ “แสนนิดๆ” จะขี่ได้สนุกและให้ประสิทธิภาพได้สูงขนาดนี้ Bajaj Dominar 400 เป็นรถที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราได้อย่างชุดเจน ซึ่งหากเทียบกับรถที่มีขายทั่วไปอยู่ในท้องตลาด วัดกันด้วยเรื่องฟีลลิ่งและคุณภาพการขับขี่ล้วนๆ ถือว่า Bajaj Dominar 400 ชนะเลิศทุกสำนัก แบบหาใครเทียบไม่ได้ในราคานี้แล้วจริงๆ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook