Honda ADV คือหนึ่งใน SUV Bike ที่ได้รับความนิยมสูงมากของฮอนด้า ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รถคลาสนี้จะเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน ซึ่งรถในตระกูลนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นคือ Honda ADV150, ADV350 และ X-ADV 750 นั่นเอง และหลังจากที่ Honda ADV150 ได้ทำตลาดมาได้ช่วงเวลาหนึ่ง ทางฮอนด้าได้ต่อยอดและตอกย้ำความสำเร็จของ SUV Bike ด้วยการเปิดตัว All New Honda ADV160 ที่อัพเกรดเครื่องยนต์ใหม่ที่แรงขึ้น พร้อมกับฟังก์ชั่นใช้งานที่ตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน และการพัฒนาในครั้งนี้จะมีความแตกต่างจากรุ่นเก่ามากน้องแค่ไหน ไปชมกันได้เลย
ในสิ่งแรกที่เราจะขอพูดถึงเลยคือดีไซน์ ภายนอกจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ยังคล้ายกับรุ่นเดิมแต่มีการปรับปรุงรายละเอียดเพียงเล็กน้อย แต่จะแตกต่างมากที่สุดคือ “สีเทา” เพราะเป็นสีใหม่ของ Honda ADV160 นอกจากนี้ยังมีในส่วนของเรือนไมล์ดิจิตอล Full LCD แบบใหม่ที่มาพร้อมกับปุ่มจอยสติ๊กบริเวณด้านหน้าของเรือนไมล์ มาให้เพื่อเรียกดูข้อมูลและตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนระบบไฟจะเป็น LED รอบคัน
ถัดมาเป็นจุดเด่นของ Honda ADV160 แน่นอนว่ามันคือเรื่องของขุมพลังอัพเกรดใหม่ ที่มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 156.9 cc. 1 สูบ 4 วาล์ว ระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้งระบบ HSTC หรือ แทรคชั่นคอนโทรล มาเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างไร้กังวล
ด้านระบบกันสั่นสะเทือน Honda ADV160 ยังคงเป็นโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค และด้านหลังเป็น Twin Sub Tank จาก Showa แน่นอนว่าสามารถซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกหน้า/หลัง ยกระดับความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS ที่ด้านหน้า
Test Ride
การขับขี่ทดสอบในครั้งนี้เราได้ทดลองขับขี่ใช้งานแบบในชีวิตประจำวัน โดยจะเน้นเป็นการใช้งานภายในเมืองเป็นหลัก ซึ่งต้องบอกเลยว่าด้วยท่านั่งขับขี่ และแฮนด์บาร์ตามแบบฉบับของรถตระกูล ADV นั้น ช่วยให้การควบคุมรถและมุดเลี้ยวทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยขนาดตัวรถที่เล็กการขับขี่ผ่านช่องทางเดินรถในช่วงการจราจรหนาแน่นสามารถผ่านไปได้อย่างคล่องตัว ส่วนความสูงของเบาะ 780 ม.ม. ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนตัวเล็กหรือมือใหม่ หากคุ้นชินกับตัวรถแล้วสามารถยืนค้ำรถและขับขี่ได้อย่างสบายๆ เพราะตัวรถมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 133 ก.ก.
ในส่วนของขุมพลังอัพเกรดใหม่ตอบสนองได้อย่างน่าประทับใจ แรงบิดในรอบต้นทำได้จัดจ้าน การเปิดคันเร่งเพื่อแซงหรือทำความเร็ว จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ SUV Bike คลาสนี้ ส่วนความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้อยู่ 123 กม./ชม. ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ถัดมาในส่วนของ ชิลด์บังลมสามารถปรับระดับได้ เมื่อขับขี่ในความเร็วสูงสามารถตัดลมที่เข้ามาปะทะตัวผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดีระยะ
ด้านสมรรถนะช่วงล่างเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Honda ADV160 ด้วยโช้คอัพหลัง Twin Sub Tank จาก Showa มาเสริมสมรรถนะช่วงล่างให้มีความนุ่มหนึบมากยิ่งขึ้น สามารถซับแรงร่วมโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิคได้อย่างลงตัว แม้ว่าช่วงระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถจะมากกว่ารถสกู๊ตเตอร์ทั่วไป แต่ระยะห่างช่วงล้อที่ยาว เมื่อต้องเจอความเร็วในทางโค้งยังให้การทรงตัวที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยางติดรถแบบ Dual Purpose มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งาน สามารถยึดเกาะถนนได้ตามมาตรฐาน ส่วนระบบเบรกดิสหน้า/หลัง ทำงานร่วมกับระบบ ABS ที่ล้อหน้าเพียงพอต่อการใช้งานอย่างแน่นอน
และจากที่เราได้นำ Honda ADV160 มาขับขี่ทดสอบแบบการใช้งานภายในเมืองกันแบบหนึ่งวันเต็มๆ นอกจากดีไซน์หน้าตาอันหล่อเหลาแล้ว บอกเลยว่าเป็น SUV Bike ที่น้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ให้ความคล่องตัวสูงแม้ว่าจะต้องกับการจราจรที่หนาแน่น ถ้าหากเป็นมือใหม่หัดขี่ยังสามารถขับขี่ได้อย่างสบายๆ ส่วนคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ eSP+ สิ่งที่สัมผัสได้คือความนุ่มนวล แต่หากในจังหว่ะที่จะต้องการเปิดคันเร่งเพื่อแซงหรือทำความเร็ว บอกเลยว่าแรงบิดมีให้ใช้แบบเหลือๆ ด้านฟังก์ชั่นการใช้งานหน้าจอเรือนไมล์ดิจิตอล Full LCD มองเห็นชัดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ถัดมาในฟังก์การใช้งาน HSTC หรือ แทรคชั่นคอนโทรล ทำงานได้อย่างฉับไวไม่ทำให้รถเสียอาการและสามารถตั้งค่าเปิดปิดได้
All New Honda ADV160 เจ๋งยังไง?
แม้ว่าเราได้ทำการทดสอบเพียงแค่ทางดำ แต่ด้วยสมรรถนะของ All New Honda ADV160 ยังถูกออกมาให้ผู้ขับขี่ได้สนุกไปกับเส้นทางสายธรรมชาติได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นลุยได้หนักเหมือนกับรถวิบาก แต่ถ้าหากอยากจะลุยถึง Hard Enduro แนะนำว่าให้เลือก CRF จะเหมาะกว่า เพราะคอนเซปของ ADV 160 คือ SUV Bike ที่สามารถขับขี่สนุกในเส้นทางที่หลากหลาย
สุดท้ายนี้ใครที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันและสามารถไปสนุกตามเส้นทางสายธรรมชาติในวันพักผ่อนได้แนะนำว่า All New Honda ADV160 ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจ ADV160 วางจำหน่ายแล้วในราคาแนะนำที่ 99,900 ในรุ่น Standard มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา (ใหม่), สีดำ และสีแดง ส่วนในรุ่นพิเศษ H2C x KITACO Racing Soul Edition ราคาแนะนำที่ 108,200 บาท ด้วยรถสีดำ(Mat Black)
