เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 30 เมษายน 2566 - 11:05

ทดลองขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า LYVA MB5 & S30 Plus กรุงเทพฯ - อยุธยา

   เมื่อไม่นานนี้ BoxzaRacing ได้มีโอกาสเข้าร่วมขับขี่ทดสอบรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบรนด์ LYVA (ไลวา) รุ่น MB 5 และ S30 Plus โดยมีบริษัท เพ็นทินั่ม อีเล็กทรอนิกส์ จำกัด หรือ Pentinum E ผู้จัดจำหน่ายและผู้ประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LYVA แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก LUYUAN (ลู่หยวน) ผู้นำด้านรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากแดนมังกร มาร่วมพัฒนาในด้านคุณภาพ สมรรถนะ และความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์ของไรเดอร์ที่รักษ์โลก

 

ทำความรู้จักกับแบรนด์ LYVA (ไลวา)

     LYVA (ไลวา) ชื่อจริงๆ ของแบรนด์ก็คือ LUYUAN (ลู่หยวน) แต่ด้วยชื่อเสียงและผลงานที่สร้างไว้ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศทั่วโลกจึงจำเป็นต้องมีอีกหนึ่งชื่อเพื่อให้เรียกง่ายและเป็นสากลมากขึ้นจึงได้เลือกใช้คำว่า LYVA (ไลวา) ที่แปลว่า สิงโต จากภาษา บัลแกเลีย  

 

      โดย LYVA ถือเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพของลู่หยวน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการผลิตและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามานานกว่า 25 ปี หรือมากกว่า 20 ล้านคันทั่วโลก และมียอดจำหน่ายติดอันดับ Top 5 ของจีน จึงทำให้ Pentinum E เล็งเห็นว่าประเทศไทยควรมียานยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดการเกิดมลพิษทั้งทางอากาศและเสียง ด้วยเรื่องสมรรถนะและประสิทธิภาพต่างๆ จึงมั่นใจให้ LYVA เป็นรถธงในการรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “LYVA ประเทศไทย”

 

ทดลองขี่รถไฟฟ้า LYVA MB5 & S30 Plus

     ต้องบอกก่อนเลยว่าการทดสอบ LYVA MB5 และ S30 Plus ครั้งนี้ BoxzaRacing เป็น 1 ใน 5 ของสื่อมวลชนกลุ่มแรกในประเทศไทยที่รับเชิญเข้าร่วมทดสอบรถก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2023 แน่นอนว่าเป้าหมายของการเทสในครั้งนี้คือการพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถทั้ง 2 รุ่น ด้วยการขับขี่ใช้งานจริงในรูปแบบของการเดินทางจาก จ.กรุงเทพ ถึง จ.อยุธยา โดยมีระยะทางรวมกว่า 100 กม. ซึ่งเราก็ได้ทดสอบกันแบบจัดเต็มมาเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่า LYVA MB5 และ S30 Plus มีความโดดเด่นด้านการใช้งานที่แตกต่างกัน และทั้งสองรุ่นนี้จะมีการใช้งานที่เหมาะสมกันแบบไหนไปชมกันได้เลย

 

ความแตกต่างของ LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus

     ก่อนที่จะเข้าเรื่องของการทดสอบขับขี่เรามาทำความรู้จักกับรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus กันสักนิด เริ่มกันที่ LYVA MB5 รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารูปทรงกะทัดรัด น้ำหนัก 78 กก. เห็นเล็กๆ แบบนี้บอกเลยว่าจิ๋วแต่แจ๋วเพราะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 150 กก. และมาพร้อมกับจอแสดง LCD ขนาดใหญ่ และระบบไฟ LED รอบคัน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ขนาด 1,200 วัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำงานคู่กับ แบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 60V 40AH สามารถถอดสลับหรือเอาออกมาชาร์จได้ และสามารถปรับโหมดความเร็วได้ 2 ระดับ ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม หยุด/ชะลอ รถได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานด้วย ดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลัง

    ต่อกันที่รุ่นพี่อย่าง “LYVA S30 Plus” ที่ออกแบบมาให้มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า และมีความโดดเด่นด้วยรูปทรงโค้งมนและระบบไฟ LED รอบคันกับน้ำหนักตัว 92 กก. พร้อมด้วยจอ แสดงผลขนาดใหญ่ LCD SOC Control Core  ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำงานคู่กับ แบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72V 30AH  และสามารถปรับโหมดความเร็วได้ 3 ระดับ ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม  ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม หยุด/ชะลอ รถได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยตามมาตรฐานด้วย ดิสก์เบรกหน้า/หลัง

 

นวัตกรรมไฮไลท์ที่มาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LYVA 

  • Liquid Cooling Motor มอเตอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ ช่วยลดอุณหภูมิของมอเตอร์ขณะใช้งานได้ 30 องศาเซลเซียส ทำให้แรงบิด (Torque) ของมอเตอร์คงที่ ขับขี่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการลุยน้ำ เพราะมีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับมาตรฐาน IP67 (International Protection Standard) ทำให้การขับขี่มีความเสถียรสูง ที่สำคัญคือ ช่วยให้มอเตอร์มีความคงทนมากขึ้น โดย LYVA รับประกันรถนานเป็นพิเศษถึง 2 ปี
  • Solid-state Controller สมองกลควบคุมตัวรถด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของลู่หยวน พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooler) ช่วยควบคุมการประสานการทำงานระหว่างแบตเตอรี่ไปจนถึงมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อน มั่นใจได้ทุกเส้นทางในการขับขี่
  •  Ceramic Brake เป็นระบบเบรกที่ใช้ในรถระดับซูเปอร์คาร์ ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า ช่วยลดระยะทางในการเบรกได้ 1 เมตร ยืดอายุการใช้งาน 5 เท่า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ ไร้ความกังวลกับทุกสถานการณ์
  • Intelligent Charger คลายความกังวลในการชาร์จแบตเตอรี่ ด้วยการมีเซนเซอร์ตรวจจับวัดอุณหภูมิขณะชาร์จและปรับโวลท์เทจ (Voltage) ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิในขณะชาร์จไม่ให้สูง มีระบบตัดไฟไม่ให้เกิดการลัดวงจร เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จไฟให้เร็วขึ้น พร้อมการรับประกัน 2 ปี

 

กรุงเทพ -  อยุธยา ขับขี่จริงเป็นยังไง?

     ในครั้งนี้จะเป็นขับขี่การท่องเที่ยวด้วย LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีจุดเริ่มอยู่ที่ ถ.ราชพฤกษ์ และจุดหมายปลายทางอยู่ที่กรุงเก่าอย่างอยุธยา ซึ่งการขับขี่เริ่มต้นออกสตาร์ทด้วย LYVA MB5 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่มีความกะทัดรัด และน้ำหนักตัวที่เบาเพียงแค่ 78 กก. ด้วยตำแหน่งแฮนด์ และพื้นสำหรับวางเท้าให้ท่านั่งขับขี่ที่สบาย การควบคุมรถต้องบอกเลยว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ขับขี่ง่าย มีความคล่องตัวสูง ส่วนขุมพลังของมอเตอร์ขนาด 1,200 วัตต์ ถูกจำกัดความเร็วไว้  50 กม./ชม. ในโหมด Sport ซึ่งในจุดนี้จะเห็นว่าความเร็วที่จำกัดไว้ทำให้ LYVA MB5 เมื่อได้ขับขี่ใช้งานจริงสมรรถนะหมาะกับการใช้งานภายในเมือง หรือขับขี่ในระยะทางสั้นๆ มากกว่าเพราะความเร็วที่จำกัดไว้ไม่เกิน 50 กม./ชม.

 

     ด้านสมรรถนะช่วงล่างโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค กับโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม ซับแรงกระแทกได้อย่างลงตัว เพราะถูกเซ็ตติ้งมาอย่างดี ดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลัง เพียงพอกับการใช้งานอย่างแน่นอน

 

     ถัดมาในรุ่นของ LYVA S30 Plus มีความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะกำลังขับเคลื่อนของมอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์ สามารถรีดความเร็วออกมาได้มากถึง 90 กม./ชม. อีกทั้งยังสามารถปรับโหมดขับขี่ได้ถึง 3 แบบด้วยกัน คือ โหมด 1 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 50 กม./ชม. โหมด 2 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 70 กม./ชม. และ โหมด 3 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ซึ่งจะแสดงโหมดการขับขี่ชัดเจนบนหน้าจอเรือนไมล์ LCD และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดในขณะขับบขี่ได้ทันที

 

       LYVA S30 Plus ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ไม่ต่างจากเครื่องสันดาป และด้วยอัตราเร่งที่ตอบสนองทันที่เมื่อเปิดคันเร่งตามแบบฉบับรถไฟฟ้า การทำความเร็วเพื่อเร่งแซงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรถที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนตำแหน่งท่านั่งขับขี่ถือว่าทำออกมาได้ลงตัว บนพื้นที่ตำแหน่งวางเท้าค่อนข้างกว้าง หากเมื่อยล้า ยังมีพื้นที่เหลือให้ขยับเปลี่ยนตำแหน่งท่านั่งเพื่อผ่อนคลายได้สบายๆ ส่วนสมรรถนะช่วงล่าง โช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม ซับแรงกระแทกได้ไม่แตกต่างจาก LYVA MB5 การขับขี่เข้าโค้งตัวรถมีความนิ่งไม่มีอาการย้วยหรือท้ายโยน ส่วนดิสก์เบรกหน้า/หลัง ที่ติดมากับรถ เพียงพอและตอบสนองได้ตามมาตรฐาน

สรุป

     หลังจากที่ได้ลองขับขี่  LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ต้องยอมรับเลยว่าทั้ง 2 รุ่นก็มีจุดที่เหมือนกันและก็แตกต่างกัน โดยจุดที่เหมือนกันก็คือสมรรถนะความคล่องตัวและระบบระบายความร้อนด้วยน้ำลดอุณหภูมิขณะใช้งาน สิทธิบัตรเฉพาะของ LUYUAN (ลู่หยวน) ทำให้ขับขี่ทางไกลได้อย่างเสถียรและต่อเนื่องโดยที่มอเตอร์ไม่ร้อน เพราะด้วยขนาดที่กะทัดรัดและเป็นรถที่ควบคุมง่าย จึงบอกได้อย่างเต็มๆ เลยว่า MB5 และ S30 Plus มีความคล่องตัวสูงมากๆ หากต้องขับขี่ภายในเมืองหรือช่วงเวลาการจราจรที่ติดขัดสามารถมุดเลี้ยว ซอกแซกผ่านตามช่องการเดินรถหรือตามตรอกซอกซอยได้อย่างสบายๆ

 

     ส่วนด้านสมรรถนะกำลังของมอเตอร์ไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอนถ้าคุณเลือกใช้ได้ตรงตามการใช้งานของตัวเอง อย่างเช่น ไปซื้อของจ่ายตลาด ไปกลับบ้าน-ที่ทำงาน หรือขับขี่ในระยะทางใกล้ๆ LYVA MB5 ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วน LYVA S30 Plus ด้วยพละกำลังที่มากกว่าจึงเหมาะมากๆ สำหรับการขับขี่ในระยะทางไกล หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน  รวมไปถึงการใช้งานด้านอุสาหากรรมขนส่งเดลิเวอรี่ 

     สำหรับระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ตัวรถทั้ง 2 รุ่นนั้นก็มีระยะเวลาอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นคิดเป็นค่าไฟครั้งละ 9-12 บาท (คำนวณจากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 100-120 กม. พร้อมด้วยการรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 2 ปี 

 

     สุดท้ายนี้  LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ได้เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วภายในงานมอเตอร์โชว์ Motor Show 2023 โดย LYVA MB5 มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 77,000 บาท ส่วน  LYVA S30 Plus  มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 81,000 บาท และที่สำคัญสำหรับผู้ที่สนใจและซื้อรถภายในงาน Motor Show 2023 จะได้รับโปรโมชั่นส่วนลด 28,000 บาท บอกเลยว่าถ้าใครได้จองรถภายในงานนี้คุ้มค่าแน่นอน  

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook