เมื่อไม่นานนี้ BoxzaRacing ได้มีโอกาสเข้าร่วมขับขี่ทดสอบรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบรนด์ LYVA (ไลวา) รุ่น MB 5 และ S30 Plus โดยมีบริษัท เพ็นทินั่ม อีเล็กทรอนิกส์ จำกัด หรือ Pentinum E ผู้จัดจำหน่ายและผู้ประกอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LYVA แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก LUYUAN (ลู่หยวน) ผู้นำด้านรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากแดนมังกร มาร่วมพัฒนาในด้านคุณภาพ สมรรถนะ และความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์ของไรเดอร์ที่รักษ์โลก
ทำความรู้จักกับแบรนด์ LYVA (ไลวา)
LYVA (ไลวา) ชื่อจริงๆ ของแบรนด์ก็คือ LUYUAN (ลู่หยวน) แต่ด้วยชื่อเสียงและผลงานที่สร้างไว้ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศทั่วโลกจึงจำเป็นต้องมีอีกหนึ่งชื่อเพื่อให้เรียกง่ายและเป็นสากลมากขึ้นจึงได้เลือกใช้คำว่า LYVA (ไลวา) ที่แปลว่า สิงโต จากภาษา บัลแกเลีย
โดย LYVA ถือเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพของลู่หยวน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการผลิตและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามานานกว่า 25 ปี หรือมากกว่า 20 ล้านคันทั่วโลก และมียอดจำหน่ายติดอันดับ Top 5 ของจีน จึงทำให้ Pentinum E เล็งเห็นว่าประเทศไทยควรมียานยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดการเกิดมลพิษทั้งทางอากาศและเสียง ด้วยเรื่องสมรรถนะและประสิทธิภาพต่างๆ จึงมั่นใจให้ LYVA เป็นรถธงในการรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “LYVA ประเทศไทย”
ทดลองขี่รถไฟฟ้า LYVA MB5 & S30 Plus
ต้องบอกก่อนเลยว่าการทดสอบ LYVA MB5 และ S30 Plus ครั้งนี้ BoxzaRacing เป็น 1 ใน 5 ของสื่อมวลชนกลุ่มแรกในประเทศไทยที่รับเชิญเข้าร่วมทดสอบรถก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2023 แน่นอนว่าเป้าหมายของการเทสในครั้งนี้คือการพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถทั้ง 2 รุ่น ด้วยการขับขี่ใช้งานจริงในรูปแบบของการเดินทางจาก จ.กรุงเทพ ถึง จ.อยุธยา โดยมีระยะทางรวมกว่า 100 กม. ซึ่งเราก็ได้ทดสอบกันแบบจัดเต็มมาเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่า LYVA MB5 และ S30 Plus มีความโดดเด่นด้านการใช้งานที่แตกต่างกัน และทั้งสองรุ่นนี้จะมีการใช้งานที่เหมาะสมกันแบบไหนไปชมกันได้เลย
ความแตกต่างของ LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus
ก่อนที่จะเข้าเรื่องของการทดสอบขับขี่เรามาทำความรู้จักกับรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus กันสักนิด เริ่มกันที่ LYVA MB5 รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารูปทรงกะทัดรัด น้ำหนัก 78 กก. เห็นเล็กๆ แบบนี้บอกเลยว่าจิ๋วแต่แจ๋วเพราะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 150 กก. และมาพร้อมกับจอแสดง LCD ขนาดใหญ่ และระบบไฟ LED รอบคัน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ขนาด 1,200 วัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำงานคู่กับ แบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 60V 40AH สามารถถอดสลับหรือเอาออกมาชาร์จได้ และสามารถปรับโหมดความเร็วได้ 2 ระดับ ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม หยุด/ชะลอ รถได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานด้วย ดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลัง
ต่อกันที่รุ่นพี่อย่าง “LYVA S30 Plus” ที่ออกแบบมาให้มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า และมีความโดดเด่นด้วยรูปทรงโค้งมนและระบบไฟ LED รอบคันกับน้ำหนักตัว 92 กก. พร้อมด้วยจอ แสดงผลขนาดใหญ่ LCD SOC Control Core ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำงานคู่กับ แบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72V 30AH และสามารถปรับโหมดความเร็วได้ 3 ระดับ ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม ส่วนสมรรถนะช่วงล่างมาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม หยุด/ชะลอ รถได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยตามมาตรฐานด้วย ดิสก์เบรกหน้า/หลัง
นวัตกรรมไฮไลท์ที่มาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LYVA
กรุงเทพ - อยุธยา ขับขี่จริงเป็นยังไง?
ในครั้งนี้จะเป็นขับขี่การท่องเที่ยวด้วย LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีจุดเริ่มอยู่ที่ ถ.ราชพฤกษ์ และจุดหมายปลายทางอยู่ที่กรุงเก่าอย่างอยุธยา ซึ่งการขับขี่เริ่มต้นออกสตาร์ทด้วย LYVA MB5 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่มีความกะทัดรัด และน้ำหนักตัวที่เบาเพียงแค่ 78 กก. ด้วยตำแหน่งแฮนด์ และพื้นสำหรับวางเท้าให้ท่านั่งขับขี่ที่สบาย การควบคุมรถต้องบอกเลยว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ขับขี่ง่าย มีความคล่องตัวสูง ส่วนขุมพลังของมอเตอร์ขนาด 1,200 วัตต์ ถูกจำกัดความเร็วไว้ 50 กม./ชม. ในโหมด Sport ซึ่งในจุดนี้จะเห็นว่าความเร็วที่จำกัดไว้ทำให้ LYVA MB5 เมื่อได้ขับขี่ใช้งานจริงสมรรถนะหมาะกับการใช้งานภายในเมือง หรือขับขี่ในระยะทางสั้นๆ มากกว่าเพราะความเร็วที่จำกัดไว้ไม่เกิน 50 กม./ชม.
ด้านสมรรถนะช่วงล่างโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค กับโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม ซับแรงกระแทกได้อย่างลงตัว เพราะถูกเซ็ตติ้งมาอย่างดี ดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลัง เพียงพอกับการใช้งานอย่างแน่นอน
ถัดมาในรุ่นของ LYVA S30 Plus มีความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะกำลังขับเคลื่อนของมอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์ สามารถรีดความเร็วออกมาได้มากถึง 90 กม./ชม. อีกทั้งยังสามารถปรับโหมดขับขี่ได้ถึง 3 แบบด้วยกัน คือ โหมด 1 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 50 กม./ชม. โหมด 2 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 70 กม./ชม. และ โหมด 3 ทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ซึ่งจะแสดงโหมดการขับขี่ชัดเจนบนหน้าจอเรือนไมล์ LCD และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดในขณะขับบขี่ได้ทันที
LYVA S30 Plus ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ไม่ต่างจากเครื่องสันดาป และด้วยอัตราเร่งที่ตอบสนองทันที่เมื่อเปิดคันเร่งตามแบบฉบับรถไฟฟ้า การทำความเร็วเพื่อเร่งแซงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรถที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนตำแหน่งท่านั่งขับขี่ถือว่าทำออกมาได้ลงตัว บนพื้นที่ตำแหน่งวางเท้าค่อนข้างกว้าง หากเมื่อยล้า ยังมีพื้นที่เหลือให้ขยับเปลี่ยนตำแหน่งท่านั่งเพื่อผ่อนคลายได้สบายๆ ส่วนสมรรถนะช่วงล่าง โช้คอัพแบบเทเลสโคปิคที่ด้านหน้า และโช้คอัพหลังแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์ม ซับแรงกระแทกได้ไม่แตกต่างจาก LYVA MB5 การขับขี่เข้าโค้งตัวรถมีความนิ่งไม่มีอาการย้วยหรือท้ายโยน ส่วนดิสก์เบรกหน้า/หลัง ที่ติดมากับรถ เพียงพอและตอบสนองได้ตามมาตรฐาน
สรุป
หลังจากที่ได้ลองขับขี่ LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ต้องยอมรับเลยว่าทั้ง 2 รุ่นก็มีจุดที่เหมือนกันและก็แตกต่างกัน โดยจุดที่เหมือนกันก็คือสมรรถนะความคล่องตัวและระบบระบายความร้อนด้วยน้ำลดอุณหภูมิขณะใช้งาน สิทธิบัตรเฉพาะของ LUYUAN (ลู่หยวน) ทำให้ขับขี่ทางไกลได้อย่างเสถียรและต่อเนื่องโดยที่มอเตอร์ไม่ร้อน เพราะด้วยขนาดที่กะทัดรัดและเป็นรถที่ควบคุมง่าย จึงบอกได้อย่างเต็มๆ เลยว่า MB5 และ S30 Plus มีความคล่องตัวสูงมากๆ หากต้องขับขี่ภายในเมืองหรือช่วงเวลาการจราจรที่ติดขัดสามารถมุดเลี้ยว ซอกแซกผ่านตามช่องการเดินรถหรือตามตรอกซอกซอยได้อย่างสบายๆ
ส่วนด้านสมรรถนะกำลังของมอเตอร์ไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอนถ้าคุณเลือกใช้ได้ตรงตามการใช้งานของตัวเอง อย่างเช่น ไปซื้อของจ่ายตลาด ไปกลับบ้าน-ที่ทำงาน หรือขับขี่ในระยะทางใกล้ๆ LYVA MB5 ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วน LYVA S30 Plus ด้วยพละกำลังที่มากกว่าจึงเหมาะมากๆ สำหรับการขับขี่ในระยะทางไกล หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการใช้งานด้านอุสาหากรรมขนส่งเดลิเวอรี่
สำหรับระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ตัวรถทั้ง 2 รุ่นนั้นก็มีระยะเวลาอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นคิดเป็นค่าไฟครั้งละ 9-12 บาท (คำนวณจากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 100-120 กม. พร้อมด้วยการรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 2 ปี
สุดท้ายนี้ LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ได้เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วภายในงานมอเตอร์โชว์ Motor Show 2023 โดย LYVA MB5 มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 77,000 บาท ส่วน LYVA S30 Plus มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 81,000 บาท และที่สำคัญสำหรับผู้ที่สนใจและซื้อรถภายในงาน Motor Show 2023 จะได้รับโปรโมชั่นส่วนลด 28,000 บาท บอกเลยว่าถ้าใครได้จองรถภายในงานนี้คุ้มค่าแน่นอน