เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2566 - 13:25

รีวิว Yamaha Grand Filano Hybrid Connected รุ่น Standard ใช้งานจริงตอบโจทย์แค่ไหน?

   Yamaha Grand filano คือหนึ่งในรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีกับผู้ใช้ชาวไทย ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ครองใจผู้ใช้งานมายาวนานกว่า 12 ปี และล่าสุดทางยามาฮ่าตอกย้ำความสำเร็จของ Grand filano ด้วยการอัพเกรดความเป็นพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Yamaha Grand Filano Hybrid Connected ที่มาพร้อมกับความพรีเมียม เหนือกว่าด้วยความสมาร์ทจาก Y-Connect และขุมพลังไฮบริดขับสนุก คล่องตัวทุกสถานการณ์

 

Design

     Yamaha Grand Filano Hybrid Connected มีเส้นสายการดีไซน์ใหม่ที่ยังคงความคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารูปทรงใหม่แบบ 2 ชั้น รับเข้ากันด้วย Daytime Running Lights แบบเส้นตรง พร้อมกับไฟเลี้ยวและไฟท้ายดีไซน์ใหม่ สว่างเห็นชัดทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยระบบไฟ Full LED รอบคัน นอกจากนี้ในส่วนของการดีไซน์พาร์ทของชุดสีและชิ้นส่วนต่างๆ จะเห็นว่ามีความเป็นสันเหลี่ยมที่ดูเฉียบคมมายิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนที่เน้นความโค้งมน

 

 

Engine

     เครื่องยนต์ของ Yamaha Grand Filano Hybrid Connected ใช้เป็นเครื่องยนต์ Blue core hybrid 125 ซีซี. 1 สูบ 4 จังหวะ 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ พละกำลังสูงสุด 8.18 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.4 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 4.4 ลิตร

 

ขับขี่จริงสมรรถนะเพียงพอกับการใช้งานหรือไม่?

     สำหรับ Yamaha Grand Filano Hybrid Connected ได้แบ่งเป็นสองรุ่นคือ รุ่น Standard ที่มาพร้อมกับ 4 สีสันสดใส และ รุ่น ABS ที่มาพร้อมกับ 3 สีสุดพรีเมียม ด้วยความแตกต่างของทั้งสองรุ่นเชื่อเลยว่าก็มีหลายๆ คนกำลังตัดสินใจซื้อรุ่นนี้อาจสงสัยว่าในบางจุดที่แตกต่างกันจะเพียงพอกับการใช้งานมากน้อยแค่ไหน? ซึ่งในครั้งนี้เราได้นำ Grand Filano Hybrid Connected รุ่น Standard มารีวิวให้ทุกคนได้รู้กันว่าใช้งานจริงตอบโจทย์แค่ไหน!

 

      ในสิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อขับขี่คือความนุ่มนวลของเครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 125 ซีซี. ทำงานร่วมกับ Smart Motor Generator ระบบส่งกำลังในการออกตัวแบบไฮบริดช่วยให้ออกรถตัวได้รวดเร็วและสมู้ทมากๆ ฟิลลิ่งการขับขี่ตำแหน่งท่านั่งถูกออกแบบให้ควบคุมรถได้ง่าย เบาะนั่งให้สัมผัสที่นุ่มสบายความสูงของเบาะนั่งเมื่อเทียบกับผู้ขับขี่ความสูง 169 ซม. สามารถวางเท้าลงพื้นได้ทั้ง 2 ข้างแบบสบายๆ  องศามุมบังคับเลี้ยวที่แคบ ประกอบกับน้ำหนักตัวรถที่ 101 กก. การควบคุมบังคับเลี้ยวในเส้นทางการจราจรในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ส่วนอัตราเร่ง และแรงบิดที่ให้มามีคาแรคเตอร์ที่นุ่มนวล ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกเลยว่าถ้าคนที่ชอบขับขี่ชิลๆ ถูกใจแน่นอน 

 

      ถัดมาในส่วนของช่วงล่างด้านหน้าโช้คอัพแบบเทเลสโกปิก และด้านหลังแบบยูนิตสวิง เมื่อต้องเจอกับ ลูกระนาด หลุม บ่อ ฝาท่อ หรือพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ โช้คอัพสามารถซับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนได้นุ่มนวล บาลานซ์ตัวรถมีความนิ่ง แน่นหนึบเกาะติดถนน มีความมั่นคงไม่มีการย้วยหรือท้ายโยนให้ตัวรถเสียอาการเมื่อต้องเจอกับทางโค้ง ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ปั้มเบรก 1 พอต และ ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ทำงานร่วมกับระบบ UBS หรือ Unified Brake System (มีเฉพาะรุ่น Standard) ซึ่งเป็นระบบกระจายแรงเบรกผ่านกลไกควบคุมไปยังทั้ง 2 ล้อ โดยอาศัยเคเบิลเป็นกลไกการเชื่อมโยงระหว่างเบรกหน้าและเบรกหลังเพื่อสั่งการให้คาลิเปอร์ของอีกล้อให้ทำงานไปพร้อมกันด้วย เพื่อให้ควบคุมการหยุดรถที่สมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ จากที่เราได้ทดลองระบบเบรกยอมรับเลยว่าในตอนแรกผู้ขับขี่ก็กังวลเรื่องระยะเบรกอยู่เช่นกัน แต่เมื่อได้ลองใช้งานจริงภายในกรุงเทพฯ สามารถหยุดรถอยู่ในระยะที่ต้องการได้ตามที่ใจต้องการ

 

 

7  ฟีเจอร์เด็ด เพิ่มความสะดวกสบาย

• Y-Connect 

แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ ของรถจักรยานยนต์ และการขับขี่ได้บนมือถืออย่างง่ายดาย ด้วยโหมดฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งานอย่างครบครัน (*ทำงานเมื่อเชื่อมต่อระบบ Yamaha Y–Connect เท่านั้น)

 

• ONE PUSH START และ Kick starter

สตาร์ทเครื่องง่ายๆ โดยไม่ต้องกดแช่ เพียงแค่กดปุ่มสตาร์ทแล้วปล่อยเครื่องยนต์ก็จะติดเองทันที นอกจากนี้ยังมี Kick starter หรือ สตาร์ทเท้า (*สตาร์ทเท้ามีเฉพาะรุ่น Standard เท่านั้น)

 

• Stop and Start System 

Stop & Start System เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดน้ำมันโดย เมื่อรถจอดหยุดนิ่งโดยไม่มีการขับขี่เป็นเวลา 5 วินาที เครื่องยนต์จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ และจะทำงานต่อเมื่อบิดคันเร่ง

 

• Digital Meter LCD & TFT 

ล้ำสมัยขึ้นอีกระดับกับเรือนไมล์ Digital Meter LCD & TFT  แสดงผลมาตรวัดครบถ้วน พร้อมแสดงการเชื่อมต่อ Y-Connect และระดับแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ

 

• GRAND BOX ที่เก็บของ GRAND BOX ขนาดใหญ่ถึง 27 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้ 2 ใบ (แบบไม่เต็มใบ) พร้อมไฟ LED ส่องสว่าง

 

• ช่องต่อไฟสำรอง

ช่องต่อไฟสำรองชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ พร้อมช่องใส่ของด้านหน้าขนาดใหญ่

 

• SMART & EASY REFUEL

ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า สะดวกสบาย ไม่ต้องลงจากรถ พร้อมปุ่มกดเปิดฝาอัตโนมัติ

 

สรุป

      จากที่ได้สัมผัส Yamaha Grand Filano Hybrid Connected สิ่งแรกที่ต้องยอมรับเลยว่าทางยามาฮ่าได้ปรับโฉมให้ตัวรถมีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยคาแรคเตอร์ตัวรถที่เน้นความนุ่มนวล และการควบคุมที่ง่ายดาย จึงบอกได้อย่างเต็มๆ ว่ามีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ทุกเพศทุกวัย ส่วนความแตกต่างด้านสมรรถนะหากไม่ซีเรียสเรื่องเบรก ABS ระบบ UBS ก็เพียงพอกับการใช้และสามารถมั่นใจในความปลอดภัย อีกทั้งระบบกระจายแรงเบรกนี้ยังถูกนำมาใช้ในรุ่นยอดนิยมอย่าง Yamaha Finn และ Yamaha Fazzio Hybrid อีกด้วย นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดที่ประทับใจและมีในเฉพาะ Grand Filano Hybrid Connected รุ่น Standard ก็คือการสตาร์ทแบบ 2 ระบบ เพราะสะดวกมากๆ ต่อการใช้งานในกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นแบตเตอรี่มีไม่เพียงพอ หรือสตาร์ทมือไม่ติด ก็ยังสามารถ Kick starter ได้ ซึ่งตรงนี้เองจะเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งที่ทำให้ รุ่น Standard อยู่เหนือกว่ารุ่น ABS ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับความคุ้มค่าสุดๆ ในการรับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม.

 

     สุดท้ายนี้จากการรีวิว Boxzaracing หวังว่าจะช่วยคลายความสงสัย และช่วยการตัดสินใจในการเลือกได้มากยิ่งขึ้น และสำหรับผู้ที่สนใจ Yamaha Grand Filano Hybrid Connected รุ่น Standard มาพร้อมกับ 4 สีสันสดใสในราคา 64,700 บาท และ Yamaha Grand Filano Hybrid Connected รุ่น ABS ที่มาพร้อมกับ 3 สีสุดพรีเมียม ในราคา 69,200 บาท โดยวางจำหน่ายแล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook